Racket Boys ซีรีส์กีฬาสุดอบอุ่นหัวใจซึ่งถูกรังสรรค์ร้อยเรียงเรื่องราวโดย ‘จองโบฮุน’ นักเขียนที่สร้างปรากฏการณ์ให้คนดูหลงรักเรื่องราวอบอุ่นหัวใจกันถ้วนหน้าจากผลงาน Prison Playbook ฟ้าพลิกชีวิตต้องสู้ เวลาเปลี่ยนผ่าน จากเรือนจำสู่ชนบท จากเบสบอลเป็นแบดมินตัน แต่ยังคงความสวมงามของชีวิตและข้อคิดไว้อย่างครบถ้วน
ในคราวนี้ที่กลับมาพร้อมน้องแบด Racket Boys พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าทุกตอนอัดแน่นไปด้วยข้อคิดในการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับการวิ่งตามความฝันการเป็นนักแบดมินตันของเด็ก ๆ แม้เนื้อเรื่องจะถูกเล่าอย่างเรียบง่าย ไม่หวือหวาและไม่มีจุดพีคจนต้องอึ้ง แต่กลับขโมยใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และน้ำตาของคนดูอย่างถ้วนหน้า เป็นการเล่าเรื่องแสนเรียบง่ายที่ทรงพลังจริง ๆ มาถึงตรงนี้แล้วก็ไปดูกันเถอะว่า 15 ข้อคิดที่คัดมาแล้วจะมีข้อคิดไหนที่ทัชใจเราบ้าง เลื่อนลงไปอ่านกันเลย ~
อ่านรีวิว Racket Boys ฉบับเต็มได้ที่นี่
1. อิทธิพลของคำว่า ‘ไม่เป็นไร’
“ไม่เป็นไร” 3 คำสั้น ๆ แต่กลับอุ่นวาบไปทั้งหัวใจคนฟัง บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องสรรหาคำปลอบโยนสวยหรูมาพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นก็ได้ ลองใช้แค่แค่ 3 คำสั้น ๆ นี้ก็ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นแล้ว รู้จักให้อภัยจากคำว่าไม่เป็นไร รู้จักขอโทษจากคำว่าไม่เป็นไร รู้จักปล่อยวางและปลอบโยนตัวเองจากคำว่าไม่เป็นไร รู้จักความอ่อนโยนและอบอุ่นจากคำว่าไม่เป็นไร แค่คำว่าไม่เป็นไรนี่แหละ คำสั้น ๆ ที่กลับโอบกอดเราไว้อย่างอ่อนโยน
2. เพราะการสูญเสียมักมาโดยไม่ทันตั้งตัว และการจากลามักไม่มีคำเตือน
เพราะการสูญเสียมักมาโดยไม่ทันตั้งตัว และการจากลามักไม่มีคำเตือน เวลาทุกนาทีของเราจึงมีค่ามากมายเกินกว่าจะประเมินได้ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ และในตอนที่ยังไม่เห็นการสูญเสียเราก็มักจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่ง ๆ นั้น อยากบอกรักแต่ก็เขินอาย อยากบอกชอบแต่ก็ยังรั้งรอ อยากจะทำนู่นนี่ให้แต่ก็ยั้งไว้เพราะคิดว่ามีเวลา แต่อย่าลืมว่า ‘เวลา’ คือสิ่งที่มีอยู่แล้วหมดไป และเมื่อมันหมดไป แม้เราจะตะโกนเรียกร้องอ้อนวอนดังเพียงใด เสียงเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเพียงเสียงคร่ำครวญที่ไม่มีใครได้ยิน
ทำดีกับคนรอบข้างเสมอ สร้างวันดี ๆ ให้กับตัวเองและคนที่รักในทุกวัน เมื่อถึงเวลาที่จากกันจะได้ไม่ต้องมีเรื่องให้ติดค้างในใจ เพราะวันเวลาที่ผ่านมาเราได้ใช้ร่วมกันอย่างคุ้มค่าทุกวินาทีแล้ว จงจำไว้คนเราก็เหมือนรถยนต์ เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนผ่านก็ย่อมทรุดโทรมและพังลงอย่างไม่มีสัญญาณเตือน เมื่อเช้าคุณอาจจะขับได้ดีอยู่ แต่ใครจะรู้ว่าเย็นของวันนั้นมันอาจจะพังจนไม่สามารถซ่อมกลับมาใช้ได้อีกเลย
3. บางครั้งความสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งทางลัด
บางครั้งการค่อย ๆ วิ่งตามฝันไปพร้อมกับกลุ่มคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเราทุกสถานการณ์ พร้อมที่จะชนะไปด้วยกันและแพ้ไปด้วยกันอย่างสุขใจ ก็ดีกว่าการเลือกทางลัดแต่เต็มไปด้วยหนามที่รอทิ่มแทง การค่อย ๆ เติบโตตามธรรมชาติก็สามารถเบ่งบานได้อย่างสวยงามได้ไม่ต่างจากการเติบโตด้วยสารเร่งโตหรอก
4. บางครั้งความรักของพ่อแม่ก็มาในรูปแบบของคำว่า “กินข้าวหรือยัง?”
ความรักของพ่อแม่ในบางครั้งก็มาในรูปแบบของคำถามเบสิคอย่าง “กินข้าวหรือยัง” คำถามง่าย ๆ ที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความรักอย่างล้นเปี่ยม นอกจากนี้การที่พ่อแม่จะจดจำและทำอาหารเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ให้เรากินเพียงเพราะเราบอกไปว่าชอบหรือชมว่ามันอร่อยเพียงครั้งเดียว ก็เพราะเขาต้องการให้เรากินแต่ของที่ชอบในทุก ๆ วัน เหมือนที่คุณย่าใหญ่ทำให้ลูกสาวในวันเกิดของคุณย่านั่นเอง
5. บางครั้งน้ำใจที่เรียบง่ายก็สามารถทำให้ชีวิตที่มืดมนนี้น่าอยู่ขึ้นมาได้ทันตา
การมีน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการมอบของวัญเล็ก ๆ ให้กัน การช่วยเหลือเกื้อกูลในสิ่งที่เราสามารถทำได้ การแบ่งปันน้ำใจให้แก่กันเสมอ ใจดีต่อกันในทุก ๆ ว้น การกระทำเหล่านี้หากไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ทำเถอะ ทำแล้วโลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้น ถึงแม้เราจะคิดว่าการกระทำนั้นเป็นเพียงสิ่งเล็ก ๆ แต่ใครจะไปรู้การกระทำนั้นของคุณอาจจะเป็นการกระทำที่แสนใจดีที่สุดในวันนั้นของใครบางคนเลยก็ได้
6. ทุกชัยชนะเป็นผลมาจากการหมั่นฝึกซ้อมไม่ใช่เพียงเพราะ ‘โชคช่วย’
‘แซยุน’ ในฐานะนักกีฬา ชีวิตของเธอถูกฉาบหน้าไว้ว่าเป็นนักกีฬาไร้พ่าย เพราะไม่ว่าจะเจอกับการแข่งขันที่ยากลำบากขนาดไหนเธอก็สามารถเอาชนะมันมาได้ทุกสนาม ซ้ำยังทำให้ความสามารถที่สูงอยู่แล้วสูงขึ้นกว่าเดิมอีก การชนะในทุกครั้งของเธอมันไม่ได้ได้มาเพราะ ‘โชคช่วย’ แต่สิ่งที่ทำให้เธอยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิดนี้คือ ‘ความมานะอดทน’ ในการขยันฝึกซ้อมอย่างไม่หยุดยั้งของเธอต่างหาก
แม้เธอจะเก่งกว่าคนในทีมขนาดไหนแต่เธอก็ยังคงฝึกหนักกว่าคนอื่นอยู่เสมอ ในขณะที่คนอื่นนั่งพักแต่เธอกลับเอาแต่ซ้อม คนอื่นอาจจะวิ่ง 3 รอบแล้วพอ แต่เธอมักจะวิ่ง 5 รอบ 6 รอบมากกว่าคนอื่นทุกครั้งไป เมื่อต้องไปแข่งขันเธอก็จะเตรียมตัวอย่างเต็มที่เพื่อให้ตัวเองชินกับสถานที่ สภาพอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงไปและอาจส่งผลต่อการแข่งขันของเธอ ชัยชนะที่เธอคว้ามาได้มันเกิดขึ้นเพราะความมานะอดทนที่จะวิ่งตามความฝันของเธออย่างแท้จริง ไม่ใช่โชคช่วยแต่อย่างใด
7. ‘ครอบครัว’ มิตรภาพที่ไม่จำเป็นจะต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด
‘ครอบครัว’ อาจไม่ได้หมายถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดเพียงอย่างเดียวเสมอไป แต่มันอาจหมายถึงคนที่คอยอยู่เคียงข้างในยามยากลำบาก เป็นที่ให้พึ่งพาในยามที่ล้ม เป็นคนที่ทำให้ยิ้มได้แม้ในตอนที่อยากจะร้องไห้แค่ไหนก็ตาม คนพวกนี้ก็สามารถเรียกว่าเป็นครอบครัวได้เช่นกัน เพราะมันช่างน่าเศร้าที่ในบางครั้งครอบครัวตัวจริงที่มีสายเลือดเดียวกันก็ใช่ว่าจะหวังดีและเป็นห่วงเป็นใยคุณจากใจจริง ๆ
8. ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต่างเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
โค้ชยุนเป็นอีกตัวละครที่มีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต่างจากเด็กแบดเลย เหตุการณ์ที่ไปเมาจนทำให้เด็กแบดไปแข่งไม่ทัน มันเหมือนกับแผลใหญ่ที่จะฝังติดไปกับตัวของโค้ชยุนที่ในตอนแรกเขาเป็นเพียงคนที่สวมหมวกในการเป็นโค้ช แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นโค้ชยุนก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เรียนรู้ แก้ไข และปรับปรุงจากสิ่งที่ตัวเองเคยทำผิดพลาด เพื่อไม่ให้ความผิดพลาดแบบเดิมมันเกิดขึ้นอีก
การที่นักกีฬาจะไปถึงจุดสูงสุดในวงการกีฬาได้ ไม่ได้อาศัยเพียงความสามารถ ความอดทน และการฝึกซ้อมอย่างพากเพียรเพียงของนักกีฬาอย่างเดียวหรอก เบื้องหลังความสำเร็จของเหล่านักกีฬายังเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หนึ่งในนั้นก็หนีไม่พ้น ‘โค้ช’ คนที่เป็นดั่งฐานบันไดอันแข็งแกร่งในการส่งให้ลูกศิษย์ของตัวเองไปยืนอยู่บนแท่นที่ 1 นั่นเอง
9. เมื่อเราเป็น ‘ตัวเอง’ เมื่อนั้นเราก็จะเปล่งประกาย
การที่ยงแทเลียนแบบอียงแดไม่ได้เป็นเรื่องผิด นักกีฬาส่วนใหญ่ก็มักจะมีไอดอลและวิธีการเล่นที่ตัวเองนับถือเป็นโรลโมเดลกันอยู่แล้ว แต่การที่ ‘ก็อป’ มาหมดเลย ยังไงของปลอมก็ไม่มีทางที่จะดีไปมากกว่าของแท้ได้ แม้จะปลอมเนียนก็อปเกรด A++ ขนาดไหน ก็ไม่มีทางดีไปกว่าต้นฉบับ นอกจากนี้คู่แข่งและคนทั่วไปก็รู้จักกลยุทธ์ วิธีการเล่นที่เคยมีมาแล้วทั้งหมดด้วย
แต่พอยงแทสลัดความเป็นอียงแดออกไปจากตัวเองได้จนหมด ใช้เทคนิคการเล่นที่เป็นของตัวเอง ความเก่ง ความคล่องตัว ความชำนาญก็ถูกถ่ายทอดกลั่นกรองออกมาเป็นผลงานที่น่าประทับใจในสนาม ยงแทเปล่งประกายและน่าจับตามองทันทีเมื่อเขาได้เป็น ‘ตัวเอง’ เพราะอะไรที่เป็นตัวเราเองมันมักจะออกมาดีที่สุดเสมอ เพราะฉะนั้นแล้วการหาตัวเองให้เจอ รู้จักตัวเองให้มาก ๆ และเชื่อมั่นในตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นักกีฬาทุกคนจึงมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ลายเซ็นการเล่น’ ของตัวเองยังไงละ
10. อายุที่มากขึ้นไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าคุณจะรู้ทุกอย่างบนโลก
“สิ่งที่ทั้งฉันและพวกหัวโบราณพลาดบ่อยๆคืออะไรรู้ไหมคะ การที่คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างไง”
– รายองจา
ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ชอบคิดว่าแค่ตัวเองเกิดมาก่อน ใช้ชีวิตมาก่อน แล้วจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลก แต่โลกเป็นสิ่งที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านทุกนาที บางอย่างที่เด็กสมัยนี้รู้และทำได้ ผู้ใหญ่บางคนก็หมดความสามารถในการที่จะทำมันได้แล้ว การเอาความอาวุโสมาตัดสินเด็กไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลยในสังคมปี 2021 หากไม่รู้ก็จงยอมรับและเรียนรู้ หากรู้ก็จงให้คำแนะนำเป็นแนวทางแก่เด็ก ๆ เป็นตัวอย่างแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
11. เพราะเราต่างก็เป็นครั้งแรกของกันและกัน
“แม่เองก็เพิ่งจะเคยเป็นแม่ของแฮกังครั้งแรก เลยเป็นแบบนั้นไงละ….แต่แม่ นี่ก็เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน ครั้งแรกที่ผมเป็นลูกแม่”
– รายองจา & ยุนแฮกัง
เป็นพ่อแม่ครั้งแรก เป็นลูกครั้งแรก เป็นเพื่อนบ้านครั้งแรก เป็นทีมครั้งแรก และเป็นเพื่อนครั้งแรก ทุกคนล้วนเคยสัมผัสประสบการณ์การเป็นครั้งแรกของกันและกันในทุกความสัมพันธ์มาแล้วทั้งนั้น ความสัมพันธ์บางความสัมพันธ์เราจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรมันถึงจะเรียกว่าดีที่สุด เราแค่ทำในสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดให้กันก็เท่านั้น แต่คำว่า “ดีที่สุด” ของแต่ละคนก็อาจไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นการหันหน้ามาพูดกัน การเขยิบเข้าไปเอาใจใส่กันมากขึ้นอีกนิด ถึงจะทำให้คำว่า “ดีที่สุด” ของเราก็จะกลับมาเท่ากันและความสัมพันธ์ที่เคยมีช่องวางก็จะถูกเติมเต็มจนมันสลายหายไป
12. เมื่อ ‘คำพูด’ ฆ่าคนได้จริงๆ
‘คำพูด’ สิ่งที่เราใช้เป็นประจำแทบจะทุกเวลา แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถฆ่าคนให้ตายอย่างเลือดเย็นได้ 2 สามีภรรยาจากเมืองกรุงที่เราคิดว่ามาอยู่ชนบทเพราะว่าถูกโกงจนหมดตัว แต่เรื่องจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น ประเด็นหลักอยู่ที่พวกเขาไม่สามารถทนกับคำพูดแย่ ๆ จากคนรอบข้างในเรื่องที่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ในเรื่องที่เขาก็พยายามอย่างสุดชีวิตแล้วแต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้ดีอย่างที่คิด ทางสุดท้ายในชีวิตของพวกเขาจึงเลือกที่จะมาจบชีวิตกันในที่ห่างไกล แต่พอเห็นความมีน้ำใจเล็ก ๆ ของแฮกังที่เอาแกงกะหรี่ไปให้ มันจึงทำให้พวกเขามีหวังว่าหากมีชีวิตอยู่ต่อไปที่นี่ ชีวิตของพวกเขาอาจจะดีขึ้นก็ได้
แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโหดร้ายของลมปากคน คุณป้าไม่ใช่คนไม่ดีหรอก แต่เป็นแค่คนที่พูดไม่คิด สักแต่จะพูด โดยไม่คำนึงเลยว่าคำพูดของตัวเองจะทำร้ายใครอย่างสาหัสบ้างเท่านั้นเอง คนทุกคนล้วนมีบาดแผลที่ซ่อนเอาไว้ และทุกสิ่งที่คุณเห็นภายนอกใช่ว่าจะเป็นตัวตนของเขาทั้งหมด โบราณถึงได้บอกไว้ว่า “ให้คิดก่อนพูด” เสมออย่างไรละ
เหมือนกันกับกรณีของเพื่อนโค้ชยุน ที่หากวันนั้นโค้ชยุนเลือกที่จะพูดแรง ๆ ใส่เพื่อน หรือพูดตัดรำคาญโดยไม่คิดจะรับฟังและช่วยเหลือ วันนั้นเพื่อนของโค้ชก็อาจจะไม่ได้มานั่งกินเหล้ากับโค้ชอยู่ตรงนี้ ด้านล่างของสะพานอาจจะเป็นที่ที่เขาได้ลงไปเยือนเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตก็เป็นได้ ทำให้เห็นเลยว่าคำพูดเป็นนายกายเป็นบ่าวอย่างแท้จริง
“คิดว่าคนเรา เลือกจบชีวิตเพราะธุรกิจเจ๊งหรือเหตุผลใหญ่โตหรอครับ เปล่าเลยคำพูดพวกนั้นแค่คำเดียวต่างหากที่ทำให้ตาย..”
13. เพราะพ่อแม่คือคนที่รู้จักตัวเราดีที่สุดยังไงละ
เด็กสมัยนี้เกินครึ่งยังไม่มีอาชีพในฝันเลย เด็กส่วนใหญ่จะเชื่อฟังคำพูดของพ่อแม่ในเวลาที่พวกเขาต้องเลือกเป้าหมายของชีวิต เพราะถึงแม้คำพูดของผู้ใหญ่จะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องไปซะหมด แต่มันก็ใกล้เคียงคำตอบที่ถูกต้อง คำตอบที่จะนำพาเขาไปสู่เส้นทางที่เขาต้องการจะเลือกเดิน เพราะพ่อแม่คือคนที่รู้จักตัวเราดีที่สุด แต่เป้าหมายก็คือเป้าหมาย เรื่องของอนาคตพวกเขาจะต้องเป็นคนเลือกเอง พ่อแม่มีหน้าที่เพียงเฝ้ามอง ชี้แนะ สนับสนุน และรับฟัง แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
14. พ่ายแพ้บ้างก็ไม่เห็นเป็นไร
การพ่ายแพ้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถ้าเราได้ใช้ชีวิตโดยไม่เคยล้มเลยมันก็ดีอยู่หรอก เส้นทางที่ไร้อุปสรรคมันดีจะตายไป แต่ว่านะ ล้มบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก หัวเข่าถลอกบ้างจะเป็นอะไรไป เพราะทุกครั้งที่ลุกขึ้นยืนมาใหม่เราจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมและจะไม่กลับไปผิดพลาดซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก เพราะเรามีบทเรียนมาแล้วยังไงล่ะ
15. ความสำเร็จที่เปลี่ยนผ่านตามช่วงวัย
ความสำเร็จในชีวิตของคนเรา เมื่อช่วงวัยเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายความสำเร็จก็จะแตกต่างกันไปด้วย ตัวเราในวัยมัธยมปลายความสำเร็จสูงสุดแน่นอนคือการสอบเข้ามหาลัยได้ตามที่คาดหมายไว้ พอเรียนจบในวัย 20 กว่าเป้าหมายความสำเร็จก็จะเป็นการหางานที่มั่นคงทำ เมื่ออายุเพิ่มขึ้นเป็นวัยกลางคน เรื่องการมีบ้าน มีครอบครัว ก็จะกลายมาเป็นเป้าหมายที่จะวัดความสำเร็จในชีวิต แล้วตัวเราในสมัยมัธยมต้นล่ะอะไรคือสิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ใช่แล้ว ในวัยนี้แค่ได้รู้ว่า ‘ใครคือเพื่อนแท้’ ก็ถือว่าชีวิตก็ประสบความสำเร็จมากพอแล้ว
บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์
บทความที่เกี่ยวข้อง
เปิดประวัติแก๊งน้องแบด ทีมนักแสดงดาวรุ่งจากซีรีส์ Racket Boys
รีวิวซีรีส์ Racket Boys | การวิ่งตามความฝันสุดอบอุ่นหัวใจของเหล่านักแบดมินตันรุ่นเยาว์
คังซึงยูน Winner คอนเฟิร์มเป็นนักแสดงรับเชิญในซีรีส์ Racket Boys ช่อง SBS
ควอนยูริ SNSD ยืนยันเป็นนักแสดงรับเชิญในตอนสุดท้ายของซีรีส์ Racket Boys
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries