รอคอยกันมาอย่างยาวนานเลยทีเดียวสำหรับการรวมตัวของไอดอลสัตว์ป่า 2PM ล่าสุดพวกเขาได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งแล้วในคัมแบ็กเพลง Make it (해야 해) ที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มถลายจนมียอดเข้าชมมิวสิกวิดีโอสูงเกือบ 25 ล้านวิวภายในไม่กี่สัปดาห์ และแน่นอน ความสำเร็จในครั้งนี้คงไม่พูดถึงหนุ่ม อีจุนโฮ ไม่ได้ เพราะเขาคือคนจุดกระแสให้การกลับมาคราวนี้ปังกว่าเดิม กับคลิปไวรัลการแสดงเพลง My House (우리집) ที่เมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมา คลิปการแสดงนี้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังจากผ่านไป 5 ปี จนแฟน ๆ ทั้งชาวเกาหลีและทั่วโลกต่างเฝ้ารอว่า 2PM จะกลับมาคัมแบ็กผลงานให้ฟังกันอีกเมื่อไหร่ ถึงกับมีคอมเมนท์จากแฟน ๆ เรียกร้องว่า “ไหนคุณบอกว่า 10 นาทีไง ทำไมคุณยังไม่กลับมาล่ะ!” (การล้อคอมเมนท์จากเนื้อเพลง) กันเลย!
หากว่ากันเรื่องทักษะการร้องและเต้น ชื่อของอีจุนโฮภายใต้ 2PM แห่งค่าย JYP Entertainment ก็คงไม่เป็นรองใคร แต่ความสามารถของไอดอลสัตว์ป่าคนนี้ยังไม่หมดแค่เท่านั้น เขายังมีทักษะทางการแสดงที่เหนือชั้น แถมมักจะปรากฏตัวในบทบาทหลากหลายมาเซอร์ไพรส์คนดูอยู่เสมอ คอลัมน์ SPOTLIGHT คราวนี้เลยขอพาทุกท่านไปดูประวัติการเป็นนักแสดงของ อีจุนโฮ กัน จะถูกอกถูกใจเขาในบทบาทไหนบ้าง ก็ตามไปเก็บเข้าลิสต์เรื่องโปรดได้เลย~
ประวัติการแสดง อีจุนโฮ 2PM ที่ผ่านมา
- 2011 : ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง BOSS 2 (ボス 2)
- 2013 : ภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Cold Eyes
- 2015 : ภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Twenty
- 2015 : ภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Memories of the Sword
- 2016 : ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Memory (tvN)
- 2016 : ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Uncontrollably Fond (KBS)
- 2017 : ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Chief Kim (KBS)
- 2017 : ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Just Between Lovers (JTBC)
- 2018 : ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Wok of Love (SBS)
- 2019 : ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Confession (tvN)
- 2019 : ภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Homme Fatale
- 2019 : ภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง A Rose and a Tulip
- 2021 : ซีรีส์เกาหลีเรื่อง The Red-Stained Sleeve Cuff (MBC)
หลายคนอาจไม่รู้ว่าหนุ่มคนนี้เริ่มต้นเส้นทางการแสดงด้วยซีรีส์ญี่ปุ่น? 2PM ถือเป็นหนึ่งในบอยกรุ๊ปที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น นอกจากพวกเขาจะได้จัดคอนเสิร์ตทั้งเดี่ยวและกลุ่มในหลายเมืองใหญ่ สมาชิก 2PM ยังแวะเวียนไปปรากฏตัวผ่านรายการและซีรีส์ที่ออกอากาศบนโทรทัศน์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในปี 2011 อีจุนโฮ ก็ได้มีโอกาสไปเป็นนักแสดงรับเชิญในเรื่อง BOSS 2 (ボス 2) ซีรีส์ญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมขนาดมีการสร้างภาคต่อ โดยจุนโฮรับบทเป็นตัวเอง ปรากฏตัวในตอนที่ 6 และนี่ถือเป็นผลงานการแสดงครั้งแรกของเขา
ต่อมาในปี 2013 จุนโฮก็ได้รับบทนักแสดงสมทบใน Cold Eyes (2013) ภาพยนตร์แนวอาชญากรรม แอคชั่น ทริลเลอร์ ที่รีเมกจากภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่อง Eye in the Sky (2007) เล่าถึงทีมสายลับที่ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจเพื่อก้าวสู่การเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบอย่างเต็มขั้น แม้เนื้อเรื่องจะเข้มข้น เต็มไปด้วยฉากบู้มัน ๆ และแผนการอันเหนือชั้น แต่ก็มีจุดน่ารักที่โค้ดเนมของแต่ละคนจะถูกแทนด้วยชื่อสัตว์
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จุนโฮรับบทเป็นหนึ่งในทีมสายลับที่ได้ร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพ แม้ว่าจุนโฮผู้มีโค้ดเนม ‘กระรอก’ จะปรากฏตัวในจอเงินเพียง 7 นาที แต่ก็สร้างการจดจำให้กับแฟน ๆ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงเขายังได้มีโอกาสร่วมงานกับรุ่นพี่สายการแสดงมากมาย ทั้งจองอูซอง ฮันฮโยจู จินคยอง ซอลคยองกู และ คิมบยองอก อีกด้วย
ต่อเนื่องมาในปี 2015 ปีที่จุนโฮก้าวขึ้นสู่การเป็นนักแสดงนำอย่างเต็มตัว ในภาพยนตร์เรื่อง Twenty (2015) ที่เล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นผู้อยู่ระหว่างการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผ่านมุมมองของ 3 หนุ่มที่กำลังจะละทิ้งอายุ 19 ก้าวเข้าสู่วัย 20 เรื่องนี้จุนโฮรับบทเป็น ‘ดงอู’ เด็กชายผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูน แต่ดันเกิดเหตุที่ทำให้ครอบครัวล้มละลายขึ้นมาเสียก่อน เขาในฐานะลูกชายคนโตเลยต้องพับความฝันเก็บไว้ (แค่พับแต่ก็ไม่ได้ละทิ้งไปนะ!)
แม้บทจะฟังแล้วแสนเศร้า แต่การดำเนินเรื่องด้วยโทนตลกสอดแทรกแง่คิดเล็ก ๆ ไว้กระตุกเตือนคนดูผ่านมิตรภาพของกลุ่มเพื่อน ก็ทำให้เนื้อเรื่องออกมาอย่างสวยงาม อีกทั้งเรื่องนี้ยังได้นักแสดงหนุ่ม คิมอูบิน และ คังฮานึล มาร่วมเสริมทัพ ทำให้เคมีของกลุ่มเพื่อน 3 คนนี้เรียลยิ่งกว่าเดิม บอกได้เลยว่าเคมีดีมากแบบนัมเบอร์วัน ใครที่อยากเห็นจุนโฮและผองเพื่อนเวอร์ชันตลกรั่ว ๆ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ~
นอกจากการก้าวเข้ามารับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Twenty (2015) แล้ว ในปีเดียวกัน จุนโฮยังไปปรากฏตัวเป็นนักแสดงสมทบในภาพยนตร์ย้อนยุคเรื่อง Memories of the Sword (2015) ซึ่งเกี่ยวกับการชิงอำนาจและการทรยศเพื่อนรักในปลายสมัยโครยอ ยุคที่ประชาชนต่างอดอยากจนเกิดการชิงอำนาจอยู่บ่อยครั้ง เพราะเหตุนั้นจึงทำให้การต่อสู้ของนักดาบผู้มีอุดมการณ์ของตัวเองเกิดขึ้น
โลนแล่นอยู่ในจอเงินมาได้สักพัก จุนโฮก็ท้าทายความสามารถตัวเองอีกครั้งด้วยการปรากฏตัวในฐานะนักแสดงสมทบของซีรีส์ Memory (tvN, 2016) ที่บอกเล่าเรื่องราวของทนายความผู้ไม่เคยปราณีคู่ต่อสู้ แต่ดันตรวจพบว่ามีภาวะอัลไซเมอร์และอาการจะค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในวาระสุดท้ายของชีวิตเขาจึงตัดสินใจกลับไปหาครอบครัว แต่เพราะการกระทำอันเลวร้ายในอดีต ชีวิตใกล้ตายของเขาเลยยากขึ้นไปทุกขณะ
ในเรื่องนี้ จุนโฮรับบทเป็น ‘จองจิน’ ทนายน้องใหม่ไฟแรงที่คอยอยู่ข้าง ๆ เป็นกำลังใจและเป็นเพื่อนปรับทุกข์ให้กับ พัคแทซอก (รับบทโดย อีซองมิน) ที่เคมีเข้าคู่ดีมากอีกคู่หนึ่งเลย
ในปีเดียวกัน จุนโฮยังได้โดดไปเป็นนักแสดงรับเชิญในซีรีส์ Uncontrollably Fond (KBS, 2016) ในตอนที่ 4 ด้วยบทบาทของตัวเอง ซึ่งในเรื่องนี้ นำแสดงโดย คิมอูบิน ที่เคยร่วมงานกับเขามาในภาพยนตร์เรื่อง Twenty (2015) และ ซูจี อดีตรุ่นน้องร่วมค่าย JYP ของเขานั่นเอง
ในปี 2017 เป็นปีที่จุนโฮทลายข้อจำกัดของการเป็นไอดอลที่มารับงานแสดงได้อย่างไร้ข้อกังขา กับการรับบทนำในซีรีส์เรื่อง Chief Kim / Good Manager (KBS, 2017) ที่เล่าถึงเรื่องของ คิมซองรยง (รับบทโดย นัมกุงมิน) อัจฉริยะด้านการคิดคำนวณที่ต้องการทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ ก็เลยใช้ความสามารถที่มีหากลโกงทางบัญชีให้แก๊งมาเฟีย แต่ด้วยความอยากทำฝันให้สำเร็จไว ๆ เขาจึงใช้ทางลัดซ้ำสอง ยักยอกเงินมาเฟียเสียเอง
อีกด้านหนึ่งจุนโฮก็รับบทเป็น ‘ซอยูล’ อดีตอัยการผู้มีหน้าที่ตรวจสอบคดีทุจริต ก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเงินในปัจจุบัน และเพราะได้รับคำสั่งให้เก็บกวาดการทุจริตของผู้บริหารระดับสูง เขาจึงต้องให้ตัวพ่อแห่งวงการปลอมแปลงบัญชีอย่างคิมซองรยงมาร่วมงานด้วยในภารกิจนี้
แม้เรื่องย่อจะฟังดูเหมือน Chief Kim / Good Manager เป็นซีรีส์ทุจริตที่น่าปวดหัว แต่การเล่าเรื่องแสนตลกร้ายดันทำให้บรรยากาศของเรื่องไม่ได้หม่นแบบที่คิด แถมยังแฝงไปด้วยความตลกอย่างเหนือชั้นอีกต่างหาก เพราะเรื่องนี้นักแสดงนำอย่างนัมกุงมินที่ขึ้นชื่อเรื่องความจัดเต็ม เล่นได้เข้าถึงคาแรกเตอร์คิมซองรยงผู้มีนิสัยกวนประสาทอย่างถึงที่สุด เสริมด้วยฝีมือการแสดงอันเหนือความคาดหมายของจุนโฮที่รับ-ส่งมุกกับรุ่นพี่ได้อย่างไม่มีหลุด จึงส่งให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชม
และที่พลาดไม่ได้เลยคือเคมีโบรแมนซ์ระหว่างสองหนุ่มนัมกุงมิน-อีจุนโฮ ถ้าถามว่าเคมีดีขนาดไหน ก็ขนาดจิ้นหนักจนเขาได้รับรางวัล Best Couple คู่กันเลยทีเดียว!! แถมเรื่องนี้ยังส่งให้อีจุนโฮได้รับรางวัล Excellence Award จากงาน 31st KBS Drama Awards อีกด้วย
รับชมจุนโฮในลุครั่ว ๆ มาแล้ว ขอปรับกลับไปที่โหมดเมโลดราม่าและโรแมนติกบ้าง ด้วยผลงานเรื่องต่อไปของเขาอย่างซีรีส์ Just Between Lovers (JTBC, 2017) ที่เรื่องนี้ จุนโฮ รับบทเป็น ‘อีคังดู’ ชายที่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลแต่กลับประสบอุบัติเหตุที่คร่าทั้งขาและพ่อของเขาไป เขาต้องใช้อย่างไร้จุดหมายกว่า 3 ปีเพื่อกายภาพบำบัด จนได้เจอกับ ฮามุนซู (รับบทโดย วอนจินอา) ที่เคยสูญเสียครอบครัวไปจากอุบัติเหตุเช่นกัน แต่เธอกลับเลือกใช้ชีวิตที่ต่างไปจากเขาอย่างสิ้นเชิง
และ Wok of Love (SBS, 2018) หนึ่งในผลงานที่ทำให้เราเริ่มมาติดตามจุนโฮอย่างจริงจังในฐานะนักแสดง เพราะประทับใจในบทบาท ‘ซอพุง’ เชฟอาหารจีนที่ใส่ใจในคุณภาพของอาหารแต่ขาดทักษะการเข้าสังคมและการเอาใจใส่ลูกค้าที่จุนโฮถ่ายทอดออกมาได้ดีเยี่ยม ประกอบกับเคมีที่เข้ากันดีกับทั้ง จางฮยอก ที่มารับบทศัตรูหัวใจในเรื่องและ จองรยอวอน หญิงสาวผู้มีอาหารจีนของซอพุงคอยเยียวยาชีวิตพัง ๆ และความขาด ๆ เกิน ๆ ของชาวแก๊งอันธพาลที่ผันตัวมาทำร้านอาหาร ทั้งหมดจึงร่วมกันส่งให้ Wok of Love เป็นซีรีส์ที่อยู่ในลิสต์ดูเพลิน เพิ่มเติมด้วยฉากจูบแสนทรงพลังที่ดูกี่ครั้งก็ต้องยกนิ้วโป้งให้ว่าอีจุนโฮเก่งจริง!
ผลงานต่อมาของคือซีรีส์ Confession (tvN, 2019) ที่เป็นการพลิกบทบาทโรแมนติกคอมเมดี้จากเรื่องก่อนไปมากพอสมควร เพราะในเรื่องนี้จุนโฮรับบทเป็น ‘ชเวโดฮยอน’ ทนายความคนสุขุมที่จริงจังกับงานเหนือสิ่งอื่นใด ต้องมาว่าความในคดีฆาตกรรมและทำงานร่วมกับ กีจุนโฮ (รับบทโดย ยูแจมยอง) หัวหน้าทีมสืบสวนอาชญากรรมที่ไม่ยอมปล่อยผ่านแต่ละคดีง่าย ๆ การร่วมงานของคนสองคนนี้มีจุดร่วมกันคือทุกคดีที่รับผิดชอบจะต้องลงเอยด้วยการตัดสินผู้กระทำผิดอย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงนำไปสู่การค้นพบความจริงเบื้องหลังคำสารภาพที่เกี่ยวเนื่องถึงอดีตของพวกเขา
นอกจากซีรีส์แล้ว ในปี 2019 จุนโฮยังถ่ายทอดคาแรกเตอร์หลากหลายผ่านผลงานภาพยนตร์อีก 2 เรื่อง คือ Homme Fatale (2019) ภาพยนตร์ย้อนยุค-คอมเมดี้ที่นอกจากเป็นการรับบทนำในผลงานย้อนยุคครั้งแรกแล้ว เรื่องนี้จุนโฮยังได้แสดงด้านคอมเมดี้ที่พลิกลุคจากเรื่องก่อน ๆ ออกไปอย่างสิ้นเชิงด้วย
และอีกเรื่อง ที่เขาโดดไปรับงานจอเงินในประเทศญี่ปุ่นกับภาพยนตร์ A Rose and a Tulip (2019) ที่สร้างจากผลงานของ Akiko Higashimura นักเขียนการ์ตูนชื่อดังซึ่งเขียนบทนี้มาเพื่ออีจุนโฮโดยเฉพาะ ในเรื่องนี้เขาท้าทายความสามารถด้วยการแสดงเป็น 2 บทบาท คือ จิตรกรอัจฉริยะ และ นักเรียนจากเกาหลี จึงได้เผยทั้งเสน่ห์ ความเท่ และความน่ารักสดใสในเรื่องเดียว
2019 นับเป็นปีที่แฟน ๆ ได้ชมผลงานของนักแสดงอีจุนโฮอย่างอิ่มหนำก่อนที่เขาจะมีกำหนดเข้ากรมรับใช้ชาติอย่างเป็นทางการ โดยจุนโฮมีกำหนดปลดประจำการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2021 ที่ผ่านมา และนับเป็นสมาชิกของวง 2PM คนสุดท้ายที่ปลดประจำการ
ในปี 2021 นอกจากจุนโฮจะคืนวงการในฐานะของศิลปินวง 2PM และประกาศคัมแบ็กอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกับผลงานอัลบั้มที่ 7 <MUST> จุนโฮยังคืนวงการในฐานะนักแสดงซีรีส์อีกด้วย กับ The Red-Stained Sleeve Cuff (MBC, 2021) ซีรีส์แนวย้อนยุคที่เล่าถึงเรื่องขององค์รัชทายาท ‘อีซาน’ ผู้ดื้อรั้น ยึดมั่นในกฎระเบียบ และมีปมฝังใจกับการสิ้นพระชมน์ของพระบิดา ที่ได้มาพบกับ ซองด็อกอิม (รับบทโดย อีเซยอง) หญิงสาวสามัญชนที่ทำให้เขาตกหลุมรักอย่างหมดหัวใจ เมื่อได้ก้าวขึ้นครองบัลลังก์ อีซานจึงต้องเผชิญทั้งปัญหาการเมืองและหัวใจไปพร้อมกัน ซึ่งซีรีส์ที่น่าติดตามเรื่องนี้มีกำหนดออกอากาศให้รับชมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
นอกจากนี้ ในรายการ I Live Alone ตอนที่ 397 อีจุนโฮก็ได้มาแบ่งปันชีวิตประจำวันก่อนการคัมแบ็กให้แฟน ๆ รับชมกัน ว่าวิถีชีวิตของไอดอลสัตว์ป่าที่ดูแลร่างกายเป็นอย่างดีและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเหล่าน้องแมวเป็นอย่างไร รวมถึงยังได้เปิดเผยการเตรียมตัวเพื่อรับบทในซีรีส์ The Red-Stained Sleeve Cuff ด้วย โดยเขาเผยว่า ตนเป็นคนถนัดซ้ายมาตั้งแต่เด็ก แต่ในเรื่องนี้เขาจะต้องมารับบทเป็นองค์รัชทายาทผู้เคร่งครัดในกฎระเบียบ จึงต้องฝึกฝนการใช้ชีวิตด้วยมือขวา โดยเฉพาะการใช้ตะเกียบทานอาหาร ซึ่งจุนโฮก็ได้ติวเตอร์เป็น จินยอง GOT7 น้องชายคนสนิทที่ผันตัวมาเอาดีด้านงานแสดงเช่นกันนั่นเอง
ยิ่งย้อนดูผลงานการแสดงของ อีจุนโฮ ยิ่งทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าเขาคนนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการก้าวข้ามอคติเรื่องไอดอลกับงานด้านการแสดงไปได้อย่างหมดสิ้น เพราะเขาได้พิสูจน์ตัวเองผ่านการรับบทบาทที่หลากหลายและปะทะฝีมือกับนักแสดงมืออาชีพอย่างเต็มที่มาแล้ว ที่สำคัญ เขาก็ยังไม่ละทิ้งบทบาทการเป็นศิลปินในนามวง 2PM ด้วย
เราเชื่อเหลือเกินว่าในอนาคต แฟน ๆ ภาพยนตร์และซีรีส์คงจะได้เห็นนักแสดงอีจุนโฮมีส่วนร่วมในผลงานอีกมากมาย ไปพร้อม ๆ กับผลิตผลงานเพลงที่ถูกใจ HOTTEST ต่อไป เหมือนเพลงล่าสุด Make it (해 야해) นี้
ติดตามการอัปเดตชีวิตประจำวันของอีจุนโฮได้ที่ Instagram : @le2jh
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡