Move to Heaven ผลงานออริจินัลซีรีส์จาก Netflix ที่พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าดีที่สุด ตราตรึง และสร้างความประทับใจที่สุดจากบรรดาซีรีส์ออริจินัล Netflix เกาหลีทั้งหมด ซีรีส์ที่จะบอกคุณว่าทุกชีวิตล้วนมีเรื่องราว ทุกการจากไปล้วนทิ้งร่องรอย ของทุกสิ่งที่หลงเหลือไว้ล้วนเป็นตัวบอกเล่าความในใจของคนที่จากไปสู่คนข้างหลังที่ยังต้องอยู่ ชีวิตคนเราไม่มีคำว่าตลอดไป ‘เวลาที่ยังมีชีวิต’ จึงกลายเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด
เมื่อชีวิตอาจสั้นกว่าเรื่องราวที่เราอยากจะพูดกับใครสักคน
ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือ 떠난후에남겨진것들 (Things Left Behind) ของ Kim Sae-byul เจ้าของบริษัท Bio Hazzard ผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกวาดทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุที่ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย การฆาตกรรม หรือการเสียชีวิตตามลำพังก็ตามแต่ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญคิมแซบยอลมักจะพบกับบ้านของผู้เสียชีวิตที่มีอาการทางจิตที่ป่วยเป็นโรคสะสมขยะ (Hoarding Disorder) โรคที่กำลังกลืนกินชาวเกาหลีอย่างช้าๆ เป็นผลมาจากการถูกแยกออกจากสังคม เมื่อไม่สามารถทนอยู่กับความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดและเต็มไปด้วยความผิดหวังได้ คนเหล่านี้จึงหันมาเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับสิ่งของและสัตว์แทน
ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องราวเพียงสั้นๆในแต่ละเคส แต่กลับแฝงไปด้วยประเด็นทางสังคมและแง่คิดต่างๆมากมายที่ถูกสอดแทรกเข้ามาได้อย่างเนียบเนียน ไม่ยัดเยียดไม่หวือหวาแต่กลับตราตรึงใจ ทั้งปัญหาสังคมผู้สูงอายุที่ชีวิตต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนกระทั่งวันตายงานศพก็ยังเงียบเหงา ปัญหาการกดขี่ลูกจ้าง ปัญหาการปัดความรับผิดชอบของที่ทำงานในกรณีการได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน ปัญหาการรับอุปถัมภ์เด็กไปต่างแดนแต่กลับทิ้งขว้างจนเด็กกลายเป็นคนไม่มีสัญชาติ กลายเป็นคนไม่มีที่ให้ยืนอย่างถูกต้องบนโลกใบนี้ ปัญหาความคิดของครอบครัวคนเกาหลีที่มีต่อความรักแบบชายรักชาย ปัญหาความรุนแรงของคู่รักในปัจจุบันที่ไม่ควรมองข้าม ผ่านการทำงานของบริษัท Move to heaven อาชีพที่ไม่เคยถูกหยิบมานำเสนอในซีรีส์เกาหลีเรื่องไหนมาก่อน อาชีพที่จะเข้าไปเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุให้เหมือนใหม่ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นและรับฟังเรื่องราวที่หลงเหลือของผู้ที่จากไปผ่านสิ่งของที่เหลือเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย
เรื่องราวจะถูกร้อยเรียงโดย ฮันกือรู (รับบทโดย ทังจุนซัง) เด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ แต่กลับฉลาดเป็นกรดมองอะไรเพียงครั้งเดียวก็จำได้หมด แต่มีปัญหาในการเข้าสังคมและเข้าใจความซับซ้อนของมนุษย์ และ โจซังกู (รับบทโดย อีเจฮุน) อาของเขาที่เพิ่งพ้นโทษมาจากเรือนจำและกลายมาเป็นผู้ปกครองของกือรูสดๆร้อนๆหลังจากพี่ชายได้เสียชีวิตลงกะทันหัน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันสุดแสนจะประทับใจและตราตรึงคนดู
มาดูกันที่องค์ประกอบอื่นๆกันบ้าง งานภาพของซีรีส์เรื่องนี้บอกเลยว่าสุดปัง! เพราะภาพสวยมาก แสงสวยมาก สีสวยมาก!!! ภาพของทั้งเรื่องถูกย้อมสีให้ทุกฉากกลายเป็นสีโทนอุ่นที่สีสดมากๆ ซึ่งมันให้อารมณ์เหมือนเรากำลังดูซีรีส์ฝรั่ง เหมือนกำลังดูภาพยนตร์เรื่องนึงอะ แถมการเซ็ทให้มุมกล้องในเวลาการเก็บกวาดหรือการจัดของลงกล่องให้เป็นมุมกล้องแบบ Point of view (POV) ยิ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูมีอะไรมาก เพราะการใช้มุมกล้องแบบนี้มันเหมือนเรากำลังค่อยๆหยิบสิ่งของแต่ละอย่างของคนที่จากไปจัดลงกล่องด้วยตัวเองเลย นอกจากนี้การแทรกภาพกราฟฟิคสวยๆเข้ามาประกอบให้คนดูเห็นภาพความคิดของฮันกือรูได้เข้าใจมากขึ้น ก็ถือเป็นกิมมิคอีกอย่างนึงของเรื่องที่! น่า! รัก! มาก! ชอบทุกฉากเลยที่มีภาพกราฟฟิคเด้งขึ้นมา
และขอยกให้เป็นซีรีส์ที่ใช้ ‘ความเงียบ’ ได้อย่างคุ้มค่ามาก ลองสังเกตเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่มีฉากเงียบที่เงียบแบบกริบไปเลยหลายฉากมาก แต่น่าประหลาดที่มันไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลงหรือน่าเบื่อซักนิด ทุกฉากที่เริ่มเก็บกวาดของแต่ละอย่างฉากนั้นจะถูกแทนที่ด้วยความเงียบและเสียงเพลงเบาๆของกือรูทำให้ฉากการเก็บกวาดในแต่ละครั้งโคตรอิมแพคอารีน่า บวกกับคำพูดก่อนที่จะเริ่มเก็บกวาดที่บอกว่า “เราจะเริ่มการขนย้ายครั้งสุดท้ายของคุณครับ” มันโคตรทัชเลย ประโยคเรียบง่ายแต่กลับสร้างน้ำตาให้กับคนดูมากมายขนาดนี้เก่งโคตรเลยคนเขียนบท
นักแสดงหลักอย่างทังจุนซัง ในบทฮันกือรู แสดงออกมาได้น่ารักมากจนบางฉากอดอมยิ้มให้กับความน่ารักของกือรูไม่ได้ ทังจุนซังสามารถถ่ายทอดความเป็นกือรูได้อย่างดีเยี่ยม เพราะหากเล่นไม่ดีซีรีส์เรื่องนี้คงเละ เพราะบทกือรูคือตัวหลักที่เด่นกว่าเจฮุนในบทซังกูซะอีก การที่ซีรีส์เรื่องนี้ออกมาลงตัวมากขนาดนี้ก็เป็นเครื่องการันตีแล้วว่าการแสดงของจุนซังสมบูรณ์แบบ
ในด้านของอีเจฮุนมาเรื่องนี้ก็พลิกบทบาทอีกแล้วค่ะ มาคนละมาดกับตอนเป็นพี่แท็กซี่คิมโดกีเลย ขับรถแย่จนน้องกือรูต้องปาดน้ำตา 5555555 เจฮุนในบทโจซังกู อาของกือรูที่เพิ่งพ้นโทษออกมาเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยปมหลังที่แสนเจ็บปวด แม้ในช่วงแรกของซีรีส์บทของเจฮุนจะไม่ได้เด่นนัก แต่ก็ไม่มีดร็อปไม่มีจางไม่มีจืด แต่พอเลี้ยวเข้าช่วงท้ายของซีรีส์เท่านั้นแหละ พี่แกปล่อยของแบบเต็มแม็กซ์ จัดหนักจัดเต็ม เล่นเอาน้ำหูน้ำตาไหลพรากๆแบบหยุดไม่อยู่ นอกจากนี้ความเป็นซึงกูเวลาอยู่กือรูมันน่ารักมากกก แม้จะเป็นคนชอบเสียงดัง โวยวาย สกปรก แต่ก็เป็นอาที่เอาใจใส่และช่างสังเกตกือรูและคนรอบข้างเสมอ
นอกจากนี้ตัวละครอย่าง ยุนนามู ที่รับบทโดย ฮงซึงฮี เพื่อนบ้านคนสนิทที่คอยช่วยเหลือกือรูอยู่ตลอดเวลา เป็นอีกตัวละครสำคัญที่มีส่วนให้ความสัมพันธ์ของอาหลานมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เป็นตัวละครที่เสริมเข้ามาให้ทำเส้นเรื่องไม่ราบเรียบจนเกินไป ความน่ารักและความห่วงใยเอาใจใส่ที่นามูมีให้กือรูมันกลายเป็นอีกสีสันนึงของซีรีส์เรื่องนี้ และที่สำคัญชอบมุมมองของนามูที่ต่อกือรูว่าเป็น กือรู เป็น ‘คนพิเศษ’ ไม่ใช่ผู้มีความบกพร่องใด ๆ ซึ่งดีมาก ๆ
ขอป้ายยาแรงๆเลยเถอะ เป็นซีรีส์จรรโลงสังคม ที่บทโคตรน้ำดี นักแสดงทั้งหลักและรับเชิญโคตรพรีเมี่ยม งานภาพสวยปังไม่มีผิดหวัง 10 ตอนที่คุณกำลังจะดูจะเป็น 10 ตอนที่ตราตรึงจนคุณหยุดดูไม่ได้ เป็น 10 ตอนที่เต็มอิ่ม ใจฟู อบอุ่นไปทั้งหัวใจและหัวตา เพราะร้องไห้ทุกตอน ย้ำว่าทุก! ตอน!! 5555 ใครที่ยังไม่ได้ดูขอเตือนก่อนว่าเตรียมทิชชู่ไว้ให้พร้อม เพราะคุณกำลังจะเจอกับพายุน้ำตาที่ไหลลงมาแบบ Non-stop !!! แต่ถึงอย่างนั้นคุณจะกดดูตอนต่อไปแบบทันทีแม้ตาคุณจะบวมอย่างหนักจากการร้องไห้ให้กับตอนที่ผ่านมาขนาดไหนก็ตาม ไปดูกันเถอะมันดีจริงๆยิงยาวกันไปเลย 10 ตอนรวดที่ Netflix !!!
บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์
บทความที่เกี่ยวข้อง
เปิดกล่องความคิดของ ‘อีเจฮุน-ทังจุนซัง’ ที่มีต่อซีรีส์ Move to Heaven ผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษ
เปิดลิสต์ซีรีส์เกาหลีมาใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม 2021
เปิดประวัติ ‘อีเจฮุน’ 14 ปีในวงการกับบทบาทหลากหลาย ทลายทุกภาพจำของการเป็นพระเอก
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡
Source (1)