ปี 2021 ไวรัสโควิด 19 ก็ยังสำแดงฤทธิ์ไปทั่วโลก แต่สังเกตอะไรไหมคะ ว่าท่ามกลางวิกฤตขนาดนี้ วงการซีรีส์เกาหลีกลับไม่แผ่วเลย มีซีรีส์สนุกๆ เจ๋งๆ มาเสิร์ฟผู้ชมด้วยมาตรฐานการถ่ายทำสุดยอดเหมือนเดิม และซีรีส์ที่ฮอตฮิตติดลมบนที่สุดในช่วงนี้ ก็คงไม่เกิน Vincenzo วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย เพราะนอกจากจะยิงยาวครองแชมป์ซีรีส์อันดับ 1 ขวัญใจชาวไทยใน Netflix เรตติ้งที่เกาหลีก็ยังปังไม่แพ้กันค่ะ บทความนี้เราจะขอรวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ของซีรีส์ Vincenzo เอาไว้ (แอบบอกล่วงหน้าว่าไม่มีสปอยล์ค่ะ) ถ้าคุณเป็นแฟน Vincenzo อยู่แล้ว คุณอาจจะอินกับซีรีส์เรื่องนี้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าคุณยังไม่ได้เริ่มดูละก็ … เราก็แอบหวังเล็กๆ ว่า หลังอ่านบทความนี้จบ คุณอาจจะเปิดใจ เปิดจอ เริ่มดูคุณทนายมาเฟียค่ะ
#1 : เป็นซีรีส์แนวมาเฟียอิตาลี ที่แปลกใหม่
จะว่าไปภาพยนตร์หรือซีรีส์มาเฟียแนวตลกร้าย เคยเป็นความบันเทิงกระแสหลักของผู้ชมฝั่งเอเชียยุค 1990 – 2000 ต้นๆ อยู่นะคะ ฝั่งฮ่องกงมีภาพยนตร์แก๊งสเตอร์ในตำนานอย่าง กู๋หว่าไจ๋ (Young And Dangerous) ฝั่งญี่ปุ่นก็เอาเรื่องยากูซ่ามาผูกกับชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียน อย่าง ลูกสาวเจ้าพ่อขอเป็นครู (Gokuzen) หรือ GTO คุณครูพันธุ์หายาก ฝั่งเกาหลีก็เช่นกันค่ะ ยุคต้น 2000 เป็นช่วงเรืองรองของแก๊งมาเฟียสุดฮาทางจอเงินเลย ภาพยนตร์อย่าง สั่งเจ้าพ่อไปเรียนหนังสือ (My Boss , My Hero) หรือ ปิ๊งรักเจ้าสาวมาเฟีย (Marrying a Mafia) ทำรายได้ถล่มทลาย สร้างภาคต่อกันไม่หวาดไม่ไหว
แต่แล้ววันหนึ่งเทรนด์มาเฟีย – เจ้าพ่อ – ยากูซ่า – แก๊งสเตอร์ กลับจางๆ ไปซะงั้น มองว่าซีรีส์ Vincenzo เป็นการปัดฝุ่นกระแสมาเฟียให้กระหึ่มขึ้นอีกครั้งเลย แถมมาในมาด “มาเฟียอิตาลี” เสียด้วย ใครที่เกิดทันยุคหนังแก๊งสเตอร์สายฮายังรุ่งโรจน์ คงจะคุ้นเคยกับมาเฟียลุคโหดๆ แฟชั่นขัดใจแม่ แต่ ซงจุงกิ ในบทบาท “วินเชนโซ กาซาโน” ที่ปรึกษาแก๊งมาเฟียอิตาลีนั้น เป็นหนุ่มหล่อหน้าใส เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว สวมสูทแพงระยับ นี่แหละค่ะคือ “อิตาลีสไตล์” รสชาติแปลกใหม่แต่แซบลี๊ม
“เรื่องย่อ Vincenzo”
วินเชนโซ กาซาโน (รับบทโดย ซงจุงกิ) ชายหนุ่มเชื้อชาติเกาหลี ที่ถูกครอบครัวชาวอิตาลีรับเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่ยังเด็ก เขาไต่เต้าจนได้รับตำแหน่ง “คอนซีลเยเร” (Consigliere) ทนายที่ปรึกษาหัวหน้าแก๊งมาเฟียอิตาลี แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่างทำให้เขาเดินทางกลับมาเกาหลี วินเชนโซ จำได้ว่าเขาเคยรับงานซ่อนทองคำจำนวนมหาศาลไว้ใต้ตึกเก่าชื่อ “คึมกาพลาซ่า” มิชชั่น ณ บ้านเกิดครั้งนี้คือการระเบิดตึกนำทองออกมาให้ได้ ทว่า ภารกิจไม่ง่ายอย่างที่คิด ตึกแห่งนี้ถูกเปลี่ยนมือเจ้าของ เป็นของ “บาเบลกรุ๊ป**” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ที่กำลังกว้านซื้อที่ดินแถบนี้ทั้งหมด เพื่อสร้างเป็นคอนโดมิเนียมหรู หากตึกถูกบาเบลทุบทิ้ง ความลับที่ว่ามีทองอยู่ใต้ตึกจะต้องแตก ทองคำทั้งหมดจะตกอยู่ในมือบาเบลเป็นแน่ จากแผนการระเบิดตึก จึงต้องเปลี่ยนมาเป็นการเข้าถึงหัวใจชาวบ้านในตึก เพื่อ “รวบรวมแก๊ง” ต่อกรกับนายทุนจอมวายร้าย โดยมี ฮงชายอง (รับบทโดย จอนยอบิน) ทนายสาวแห่งสำนักงานทนายความฟางข้าว เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ
** เกร็ดความรู้ ที่เกาหลีมีบริษัทอย่าง “บาเบลกรุ๊ป” อยู่จริงๆ นะคะ คนเกาหลีเค้าเรียก “แชบอล” 재벌 เป็น กลุ่มธุรกิจของมหาเศรษฐีที่สืบทอดกิจการกันในตระกูล หากทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็จะกว้านซื้อที่ดินงามๆ มาสร้างคอนโดหรู บางทีก็กว้านซื้อที่ดินไม่งามกั๊กไว้ด้วยค่ะ ไม่อยากให้ใครทำกิจการแข่ง หากจะคิดถึงอสังหาฯ ก็ต้อง “บาเบลกรุ๊ป” เท่านั้น อะไรทำนองนี้ ที่ญี่ปุ่นก็มีกลุ่มธุรกิจแนวนี้นะคะ เรียกว่า ไซบัตสึ เขียนเป็นตัวจีน 財閥 เหมือนคำว่าแชบอลเลย แต่ของญี่ปุ่นมีธนาคารประจำตระกูลชัดเจน ต่างกับเกาหลีที่ยังคลุมเครือ แชบอลเกาหลีจึงต้องมี “ดีลลับ” กับรัฐบาลหรือธุรกิจสีเทาๆ และจัดจ้างทนายเก่งๆ ไว้เป็นที่ปรึกษาบริษัท เพื่อ “ไขว่คว้า” ในสิ่งที่ต้องการ และ “ซักฟอก” สีเทาเข้มๆ ให้เป็นสีเทาที่จางลงสักหน่อย
#2 : เดอะ ก็อดฟาเธอร์ VS โปเยโปโลเย
Vincenzo เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่างผู้กำกับฯ คิมฮีวอน กับ นักเขียนบทพัคแจบอม ค่ะ ผู้กำกับฯ คิมฮีวอน นี่เคยฝากผลงานอย่าง The Crowned Clown มาแล้ว มั่นใจได้ว่าภาพสวย มุมดี ซีจีละเอียด อย่างฉากช่วงเปิดเรื่องที่ถ่ายทำในอิตาลี (?) คฤหาสน์หรูเอย ไร่องุ่นเอย มีแม้แต่โลเคชั่นสถาปัตยกรรมชื่อดังอย่าง Palazzo Baldoca-Muccioli แล้วช่วงโควิดแบบนี้ เดินทางไปถ่ายทำที่ต่างประเทศกันได้จริงดิ?? ต่อมาทาง Netflix ปล่อยคลิปเฉลย ว่าฉากอิตาลีที่เห็น เป็น CG ทั้งหมด ถ่ายกับบลูสกรีนที่ใหญ่พอๆ จะคลุมบ้านทั้งหลังได้ ก็ทำเอาคนดูอึ้งไปเลย เนียนมาก เนียนไม่ไหว จะว่าไปช่วงแรกที่ถ่ายทำกันที่อิตาลี(ทิพย์) นี่ให้ฟิลลิ่งคล้ายภาพยนตร์มาเฟียอิตาลีชั้นครูอย่าง The Godfather อยู่นะคะ
ในขณะที่คุณผู้กำกับรักในความเป็น The Godfather แม้แต่รูปโปสเตอร์ก็ออกมาดุดัน เห็นปุ๊บเดาว่าเครียดแน่นอน แต่ภาพรวมซีรีส์เรื่องนี้กลับตลกโบ๊ะบ๊ะซะงั้น จะเพราะใครละคะ ถ้าไม่ใช่คุณนักเขียนบท พัคแจบอม ที่เคยสร้างปรากฎการณ์ความฮา ส่งให้ซีรีส์ The Fiery Priest ขึ้นแท่นซีรีส์เรตติ้งสูงสุดประจำปี 2019 มาแล้ว ถ้าคิดถึงซีรีส์เบียวๆ นาทีนี้ต้องเขาเลย แอบคิดว่าคุณพัคแจบอม เค้าชอบทำซีรีส์ธีม “งานกลุ่ม” ด้วยค่ะ อย่างเช่นการจับเอามาเฟียกับทนายมาเข้าคู่กัน มาเฟียเป็นงานกลุ่ม ต้องมีแก๊งใหญ่ๆ มีคอนเนคชั่น ถึงจะอวดเบ่งได้ แต่วินเชนโซเป็นมาเฟียหมาป่าเดียวดายในเกาหลี เขาจะไปรอดไหมนะ หรืออาชีพทนาย โอเคแหละค่ะว่ามีผู้ช่วย มีสำนักงาน แต่การว่าความหน้าบัลลังก์นั้นฝากความหวังไว้ที่วาทศิลป์ของทนายคนเดียว แต่การว่าความของ ทนายฮงชายอง ในเรื่องนี้ เป็น “งานกลุ่ม” ค่ะ อาศัยความร่วมมือและช่วยกันป่วนของชาวบ้านจำนวนมาก (จะเป็นยังไงต้องติดตามค่ะ ฉากนี้ตลกจริงๆ) ในเรื่อง The Fiery Priest ก็เหมือนกันค่ะ บาทหลวงหัวร้อนกับตำรวจสาว เปิดโปงการทุจริตได้ ก็เพราะความร่วมมือของคนในชุมชน เป็นนักเขียนที่ใส่รายละเอียดบทสมทบไว้มีเสน่ห์มากๆ มีทั้งเส้นเรื่องของตัวเอง และเส้นเรื่องหลักที่ยึดโยงกับนักแสดงนำอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ยังรู้สึกว่า คุณพัคแจบอมเค้าชอบแตะประเด็นศาสนาด้วย นักบวชของเค้าจะมีความเทาๆ มีอิมเมจของมนุษย์มากกว่าผู้บรรลุธรรม อย่างบาทหลวงหัวร้อนนี่เฮ้วสุดๆ แต่ก็เข้าถึงใจประชาชน หลวงพ่อหลวงพี่ใน Vincenzo ก็ออกโรงสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ชาวบ้านตลอด (นี่ชอบฉากหลวงพ่อแบกไม้กางเขนไปให้โบสถ์คริสต์มากๆ เลยค่ะ เป็นกิมมิคที่น่ารัก) แถมยังวางไฮไลท์ของเรื่องนี้ ว่า “ห้องเก็บทองคำ” ซ่อนอยู่ชั้นใต้ดินของ “วัดนานยัก” วัดเล็กๆ ที่มาเช่าตึกคึมกาพลาซ่านั่นเอง ซึ่งชื่อ “วัดนานยัก” เป็นชื่อเดียวกับวัดที่อยู่ในภาพยนตร์ฮ่องกง เรื่อง “โปเยโปโลเย” ค่ะ (อ่านเป็นภาษาเกาหลีว่า วัดนานยัก ส่วนภาษาจีนกลางคือ วัดหลันรั่ว) ตามท้องเรื่องคือ มีบัณฑิตหนุ่มคนนึง เดินทางไปเก็บภาษีชาวบ้าน ภาษีก็เก็บไม่ได้ โรงเตี๊ยมยังมาเต็มอีก เขาจึงไปนอนพักในวัดร้าง และพบรักกับผีสาวพรหมจารีย์ที่นั่น ในวัดนานยักเวอร์ชั่นโปเยโปโลเย ก็มีรูที่พื้นให้ลงไปชั้นใต้ดินเหมือนกันนะคะ แต่ข้างล่างไม่มีทองค่ะ มีแต่ “ผี” เรื่องผีในวัด ที่นักเปียโนสาว ซอมีริ (รับบทโดย คิมยุนฮเย) ชอบเล่าให้คนในคึมกาพลาซ่าฟังบ่อยๆ ก็มาจากเรื่องย่อหนัง โปเยโปโลเย นั่นแหละค่ะ
#3 : หนุ่มเอสเพรสโซ่ร้อน VS สาวอเมริกาโนเย็น
ชาวอิตาลีที่เคยเห็นในหนัง มักมาแนวเนี้ยบและค่อนข้างจู้จี้กับของที่เขาคิดว่าอยู่ผิดที่ผิดทางค่ะ อย่างเช่น ชุดสูทก็ต้องเนี้ยบ (ไม่เชื่อถามเถ้าแก่ ทักฮงชิก ร้านซักรีดดูได้) พิซซ่าใส่สับปะรดคือความผิดบาป พาสต้าปรุงไม่ได้รสชาติอิตาลีแท้จะไม่แตะต้อง (ไม่เชื่อถามเถ้าแก่ โตโต้ ร้านอาหารอิตาเลียน ได้อีกคนนึงค่ะ 555)
ความจริงจังอีกอย่างที่พบได้บ่อยมากคือ คนอิตาลีจะดื่มแต่กาแฟเอสเพรสโซ่ช็อตเข้มๆ เท่านั้น พวกเขาจะขบขันชาวอเมริกัน ที่นำเอสเพรสโซ่มาเจือจางกับน้ำเปล่า แล้วตั้งชื่อว่า “อเมริกาโน” ซึ่งเทรนด์การดื่มอเมริกาโนก็เฟื่องฟูในเกาหลีเสียด้วยสิ ทนายฮงชายองของเรา รักการดื่มอเมริกาโนเย็นเป็นชีวิตจิตใจ แถมอเมริกาโนสไตล์เกาหลีสีจืดจาง รสชาติอ่อนกว่าสไตล์อเมริกันเข้าไปอีก (ชาวเกาหลีนิยมคั่วกาแฟอ่อนๆ (Light Roast) ค่ะ รสชาติเบาๆ ดื่มง่าย แต่ปริมาณคาเฟอีนไม่ค่อยต่างจากคั่วเข้มเท่าไหร่) ช่วงแรกทนายวินเชนโซ่ คัดค้านการดื่มกาแฟของทนายฮงชายองแบบหัวชนฝา แต่มีฉากนึงที่วินเชนโซ่ไปประกันตัวฮงชายองที่สถานีตำรวจ พร้อมแก้วอเมริกาโนเย็นในมือ ฉากนี้เราว่าน่ารักมากๆ ค่ะ ถ้าไม่ห่วงใยฮงชายองจริงๆ คนอิตาลีเค้าไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีไปสั่งอเมริกาโนจางๆ ที่คาเฟ่ให้หรอก
#4 : นักแสดงสมทบคุ้นหน้าคุ้นตา
หากคุณเป็นคนนึงที่ดูซีรีส์เกาหลีจนตาโบ๋ทุกคืน เราเชื่อว่าคุณจะต้องคุ้นหน้านักแสดงสมทบจาก Vincenzo แน่นอนค่ะ เพราะทุกคนที่คัดมาล้วนแต่งานชุกทั้งนั้น เริ่มจากท่านแรก คุณยูแจมยอง ที่มารับบททนายฮงยูชาน คุณพ่อนางเอก คุ้นๆมั้ยคะว่าเคยเห็นเค้าที่ไหน แต่อายุไม่ใช่เท่านี้ 555 เฉลยค่ะ เขาคือท่านประธานชางแดฮี จากซีรีส์ Itaewon Class นั่นเอง หลายคนคิดว่าคนเล่นประธานชางกาคือคนแก่ ที่จริงคุณยูแจมยองอายุหลัก 4 ปลายๆ เองค่ะ เป็นนักแสดงคนนึงที่แปลงร่างเก่งจนจำไม่ได้ ถ้าจะบอกว่าเขาคือคนเดียวกับ พ่อดงรยง ครูใหญ่ในซีรีส์ Reply 1988 ด้วย รับรองว่ามีคนอึ้ง
นักแสดงคนเก่งท่านต่อมา คุณคิมยอจิน จากบททนายชเวมยองฮี ที่ตีบทแตกจนคนหมั่นไส้ทั้งเมือง ว่าไปแล้วนี่น่าจะเป็นเรื่องแรกๆ เลยมั้งคะ ที่เราเห็นคุณคิมยอจินพลิกมาเล่นบทร้าย ปกติจะอยู่ในโซนคนดี แต่ก็เป็นหญิงแกร่งสู้คนมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นบท หมอหญิงจางด็อก เจ๊โหดแห่งเกาะเชจู อาจารย์ของแดจังกึม , พระพันปีจองซอน ในเรื่อง Yi San หรือจะเป็นมินจีซุก หัวหน้าอัยการแผนกละเมิดทางเพศ ในซีรีส์ Witch’s Court ชีวิตจริงของคุณคิมยอจินก็ขาลุยไม่แพ้กันค่ะ นอกจากจะเป็นนักแสดงที่เก่งหาตัวจับยากแล้ว เธอยังเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนสำคัญของเกาหลีด้วย
คนต่อมา ควักดงยอน เป็นนักแสดงที่เราแอบเชียร์เค้าอยู่ตลอด คุ้นหน้ากันจากบท คิมบยองยอน หรือ “พี่ขื่อ” (ก็คือชอบไปนอนอยู่บนขื่อ 555) ในซีรีส์ Love in The Moonlight , บทอาจารย์ผู้ช่วย ใน My ID is Gangnam Beauty หรือเร็วๆนี้ก็มีผลงาน It’s Okay to Not Be Okay ในบท ลูกประธานที่เป็นผู้ป่วย เรียกว่าเกิดปี 1997 เข้าวงการแต่เด็ก แต่รับบทหนักๆ มาตลอดเลยค่ะ เรื่อง Vincenzo ก็เป็นอีกเวทีสำคัญ ให้น้องได้สำแดงฝีมือ ในบทบาท จางฮันซอ ประธานบาเบลกรุ๊ป
อีกคนนึงที่ต้องบอกว่า มาน้อยแต่มานะ ก็คือคุณ คิมซองชอล ค่ะ คนนี้เคยฝากผลงาน Sweet Home เอาไว้ เรียกว่าออกไม่เยอะแต่การแสดงน่าจดจำสุดๆ ในซีรีส์ Vincenzo ก็เช่นกันค่ะ มารับเชิญในบท ประธานฮวังมินซอง ลูกชายเจ้าของธนาคารชินกวัง แม้จะรับเชิญแค่ตอนเดียว แต่คุณอาจจะคิดถึงประธานฮวังไปจนจบเรื่องเลยก็ได้ อ้อ ที่คิมซองชอลมารับเชิญเรื่องนี้ ส่วนนึงก็เพราะเค้ารู้จักกับซงจุงกิ จากซีรีส์ Arthdal Chronicles ค่ะ
#5 : Easter Eggs จัดเต็ม
เหตุผลหนึ่งที่เราชอบดูซีรีส์แนว Black Comedy เพราะผู้กำกับเค้าชอบซ่อน Easter Eggs เล็กๆ ให้ผู้ชมตามค้นหากันค่ะ อย่างเช่นใครที่เป็นแฟนคลับหนุ่ม อกแทคยอน 2PM ก็น่าจะกรี๊ดสลบ กับฉากที่มี ฮวังชานซอง กับนิชคุณ เพื่อนร่วมวง ออกมาเป็นเกสต์แว้บๆ หรือฉากที่จู่ๆ จางจุนอู (แทคยอน) ก็พูดว่า Can you feel my heartbeat ? ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
แฟนคลับหนุ่ม ซงจุงกิ ก็เจอ Easter Eggs จุใจเหมือนกันค่ะ เปิดเรื่องมา ทนายวินเชนโซของเราก็ถูกแท็กซี่ต้มตุ๋น หลอกชิงเงินไปหมดตัว ซึ่งคนรับบทนักต้มตุ๋นก็คือคุณ จินซอนกยู หรือพี่ “ไทเกอร์ พาร์ค” เพื่อนร่วมแก๊งเก็บขยะอวกาศ Space Sweepers นั่นเอง ผู้ชมแซวว่า พี่ไทเกอร์อยู่ที่ไหน จุงกิหมดตัวที่นั่น เพราะใน Space Sweepers ก็เอาธนบัตรของจุงกิไปเผาในเตาปฏิกรณ์เชื้อเพลิงค่ะ ถัดมาจะมีฉาก ผู้ช่วยทนายความรดน้ำต้นไม้ ที่มีชื่อว่า พุงโฮ , มารู , ชีจิน , อึนซอม ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ ซงจุงกิ ก็จะเก็ตว่า เป็นชื่อตัวละครที่ผ่านมาของจุงกิ เรื่อง Triple (2009) , The Innocent Man (2012) , Descendants of the Sun (2016) และ Arthdal Chronicles (2019) นั่นเองค่ะ Ep หลังๆ ยังมีฉากซงจุงกิจำแลงตัวเป็นหนุ่มดอกไม้ยุคโชซอน ให้เราคิดถึงบทบาท ยอริม หรือ คูยงฮา แห่งซีรีส์ Sungkyunkwan Scandal (2010) อีกด้วยนะ
แม้แต่แฟนคลับนักเขียนบท พัคแจบอม ก็เพลิดเพลินไปกับ Easter Eggs ที่ซ่อนไว้เช่นกันค่ะ อย่างที่บอกไปตอนต้นค่ะว่า The Fiery Priest เป็นซีรีส์ที่ได้เรตติ้งสูงสุดแห่งปี 2019 แต่ถ้าวัดเรตติ้งกันนาทีต่อนาที ฉากที่ได้เรตติ้งเยอะที่สุดไม่ใช่ฉากเลิฟไลน์ของพระเอกนางเอกแต่อย่างใด ทว่าเป็นฉากโชว์ลีลาแม่ไม้มวยไทยของ “ทรงศักดิ์ เอกลักษณ์รัตนประเสริฐ” (หรือ สมศักดิ์ เอกลักษณ์ธนประเสริฐ อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชื่อเขาเขียนเป็นไทยว่ายังไงค่ะ 555) ตัวละครทรงศักดิ์เนี่ย เป็นแรงงานต่างด้าวชาวไทย ที่ผู้ชมชาวเกาหลีให้ความรักอย่างท่วมท้นเลยละค่ะ หลายคนสงสัยว่าเอาคนไทยมาเล่นหรือเปล่า จริงๆ แล้วนักแสดงเป็นชาวเกาหลีนะคะ ชื่อคุณ อันชางฮวาน ใน Vincenzo ก็มารับเชิญนิดๆ หน่อยๆ เป็นขอทานชื่อ “กิลเบิร์ต” แต่กุมความลับใหญ่ของเรื่องเอาไว้ทีเดียว ตัวจี๊ดก็คือตัวจี๊ดวันยังค่ำ
นอกจากนี้ก็ยังมีการเล่นมุกเล็กๆ น้อยๆ พอให้ขำกรุบกริบ อย่างเช่น ฉากที่ชาวตึกคึมกาพลาซ่า รวมพลังการปราบจิ๊กโก๋ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพเขียน “เสรีภาพนำทางชาวประชา” (La Liberté guidant le peuple) โดยในภาพจะมีสตรีโบกธงปฏิวัติฝรั่งเศส (ซึ่งต่อมากลายเป็นธงชาติประเทศฝรั่งเศส และสตรีผู้นี้คือแรงบันดาลใจการสร้างเทพีสันติภาพอเมริกาด้วย) ก็เป็นสัญลักษณ์ขำๆ แหละค่ะ ว่าชาวคึมกาได้ประกาศปลดแอกจากบาเบลแล้ว ภารกิจต่อจากนั้นเน้นๆ ไปที่ตามล่าหาทองคำ อีกฉากที่คนรู้ภาษาเกาหลีจะขำเป็นบ้าเป็นหลังคือ “หอศิลป์รากูแซง” (Ragusang Gallery) ที่บริษัทบาเบลเปิดไว้เพื่อฟอกเงินเฉยๆ คำว่า “รากูแซง” นี่ไม่ได้มาจากภาษาอิตาลี หรือฝรั่งเศสแต่อย่างใดค่ะ มาจากภาษาเกาหลีนี่แหละ คำว่า “แซงกูรา” 쌩구라 เป็นคำสแลงที่แปลว่า โกหก ขี้จุ๊ ตอแหล อะไรประมาณนั้นค่ะ
#6 : ชื่อนั้นสำคัญไฉน
Easter Eggs ในเรื่องนี้มีเยอะมากจริงๆ เลยขอแยกเอาประเด็น “การตั้งชื่อ” ออกมาอีก Keyword หนึ่งเลยค่ะ เราชอบการซ่อนความหมายจากคำหลายๆ ภาษา อย่างเช่น ชื่อ Vincenzo ในภาษาอิตาลีมีความหมายว่า “ชนะ,มีชัย” ส่วนนามสกุล Cassano เป็นชื่อเมืองในอิตาลีค่ะ แต่ถ้าสะกดว่า Casa ก็จะแปลว่า “บ้าน,ที่อยู่อาศัย” รวมๆแล้วก็น่าจะบอกใบ้ว่าเขาจะมีชัยเรื่องอสังหาริมทรัพย์กันอยู่นะ สอดคล้องกับชื่อตึก “คึมกาพลาซ่า” ที่มีความหมายว่า “บ้านทองคำ,ครอบครัวทองคำ” นอกจากชื่อวินเชนโซจะบ่งบอกความอิตาลีสุดๆ แล้ว ชื่อนางเอก “ฮงชายอง” ก็บ่งบอกความเกาหลีสุดๆ เช่นกัน หลายครั้งคนเรียกเธอสั้นๆว่า “ฮงชา” ที่มีความหมายถึง “ชาแดง” เครื่องดื่มพื้นฐานของชาวเกาหลีและจีน สไตล์เกาหลีจ๋า และอิตาลีจ๋านั้น เราเห็นได้จากแทคติกการทำงานของพระนางคู่นี้เลยค่ะ
ต้นบทความเราบอกว่า ชื่อ “วัดนานยัก” ได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อวัดร้างกลางป่า ในภาพยนตร์โปเยโปโลเย ซึ่งถ้าจะวิเคราะห์ที่ความหมายก็น่าสนใจเช่นกัน เป็นคำเดียวกับ “อรัญวาสี” นั่นเอง สำนักวัดป่าที่เงียบสงบ แต่คนที่จะมาบุกรุกวัดนี้ ก็คือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ “บาเบลกรุ๊ป” ใช่มั้ยคะ ซึ่งบังเอิญเหลือเกิน (แต่เราว่าตั้งใจแหละ) คำว่า “บาเบล” นั้น มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลค่ะ เป็นชื่อของหอที่ตั้งใจจะสร้างให้สูงเสียดฟ้าไปถึงสวรรค์ ทว่าสร้างไม่เสร็จ นอกจากนี้ยังแปลว่า ความสับสนอลหม่าน ซึ่งมีความหมายตรงกันข้ามกับชื่อวัดนานยักเลย แค่นี้ก็พอจะรู้ละว่าศึกนี้ใครชนะ
อีกชื่อที่เป็นกิมมิคน่ารักมากก รู้จักนกพิราบจอมกวน ที่วินเชนโซ่ตั้งชื่อให้ว่า “อินซากิ” ใช่มั้ยคะ ชื่อนี้มีที่มาจาก อดีตศูนย์หน้า ทีมฟุตบอลอิตาลี Filippo Inzaghi (ฟิลิปโป อินซากี้) ค่ะ แฟนบอลบอกเราว่า คุณอินซากี้เป็นนักบอลที่ดวงเฮงสุดๆ ชอบอยู่ถูกที่ถูกเวลา ทำประตูได้ฟลุคๆ ตลอด แต่ก็มีลีลาสุดกวน และล้ำหน้าบ่อยเช่นกันค่ะ
#7 : ตามรอยซีรีส์ ง่ายนิดเดียว
ตอนนี้หลายๆ คนคงคิดถึงการท่องเที่ยวเกาหลีแล้วแหละ หมายมั่นว่าถ้าเปิดประเทศจะตามรอยซีรีส์ให้หนำใจ ทีนี้ปัญหาการตามรอยซีรีส์ก็มีอยู่ค่ะว่า โลเคชั่นถ่ายทำมักอยู่แสนไกล นั่งรถลำบากอะไรงี้ แต่ซีรีส์ Vincenzo นั้นส่วนใหญ่ถ่ายทำในกรุงโซล หมดโควิดเมื่อไหร่ไปตามรอยกันได้เล้ย (ว่าแต่เมื่อไหร่กันนะ 555)
โลเคชั่นแรกที่เราแนะนำให้คุณปักหมุด คือ “ตึกคึมกาพลาซ่า” ถ่ายทำกันที่ห้าง Sewoon Makercity ค่ะ เห็นเป็นตึกเก่าๆ อย่างนี้แต่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุดๆ อยู่ในย่านที่เรียกว่า Jongno 4 ga (จงโนซากา) ค่ะ จงโนเป็นถนนสายแรกของโซล คล้ายๆ กับถนนเจริญกรุงบ้านเรา เลยมีตึกสมัยใหม่(แต่ล้าสมัยไปแล้ว) ค่อนข้างเยอะ และห้างเซอุน ก็ยังเป็นห้างขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แห่งแรกในเกาหลีอีกด้วย เปิดมาตั้งแต่ปี 1968 แน่ะ สถานีรถใต้ดินที่มาง่ายสุดคือ Jongno 3 ga และ Euljiro 4 ga ค่ะ ย่านนี้ยังใกล้กับตลาดควังจัง ย่านสตรีทฟู้ดที่ใหญ่และโด่งดังสุดของเกาหลีด้วยนะ
สองโลเคชั่นถัดมา เอาใจสายกินสักหน่อย ฉากที่ จุงกิกับแทคยอน แข่งกันกินบะหมี่รสเผ็ด (จัมปง) ถ่ายทำที่ร้าน กูกูดัง (Gugudang) ร้านยอดฮิตย่านคังนัมที่คนฮิปๆ ชอบมาเช็กอินกันค่ะ แอบดูเมนูไม่ยักกะมีจัมปง แต่มีอาหารฮ่องกงแนวฟิวชั่นกับอิตาลีเก๋ๆ ใครอยากแวะมาร้านนี้ โผล่ที่สถานีรถใต้ดิน Sinnonhyeon ได้เลย ส่วนร้านกาแฟ ที่ทนายฮงชายองถูกบุลลี่ตอนสั่งอเมริกาโน ถ่ายทำที่ Grandpa Factory Café (หรือ คาเฟ่ฮัลลาบอจี กงจัง) สไตล์ร้านที่เหมือนโรงงานยุคเก่า เพราะที่นี่เคยเป็นโรงงานย้อมผ้าของคุณปู่เจ้าของร้าน ด้านหน้าร้านยังมีบ้านบนต้นไม้อีกด้วย น่ารักมาก ตั้งอยู่ย่านซองซูดง โผล่ที่สถานี Seongsu ได้เลยค่ะ ย่านนี้ยังมีคาเฟ่น่ารักๆ อีกเยอะมาก
ของแถม!! ดู Vincenzo แล้วติดลม ควรดูอะไรต่อ??
- The Fiery Priest (2019)
ถ้าติดใจ Vincenzo ก็ต้องดูบาทหลวงหัวร้อนผลงานของนักเขียนบท Vincenzo สิ รับรองว่าได้ความฮา ความเกรียน ความเบียว ครบถ้วนเลยทีเดียว ลายเซ็นของคุณพัคแจบอมชัดเจนมากค่ะ โดยเฉพาะการวางคาแรกเตอร์นักแสดงสมทบ เป็นซีรีส์ที่มีคนเยอะแต่น่าจดจำทุกตัวละคร
2 . The Thieves (2012)
ชื่อไทย 10 ดาวโจรปล้นโคตรเพชร แค่ชื่อก็ฟังอลังการแล้ว ถ้าคุณติดใจพล็อตวางแผนลักสมบัติมีค่า แบบเบียวๆหน่อย เราแนะนำเรื่องนี้แหละค่ะ เป็นการรวมตัวกันของ 7 ซูเปอร์สตาร์เกาหลี และ 3 ซูเปอร์สตาร์ฮ่องกง เพื่อทำภารกิจเดียวกันคือ “ปล้นโคตรเพชร” เอาแค่นักแสดงก็คุ้มแล้ว เล่นใหญ่ให้เด็กมันดู
3. The Uncanny Counter (2020)
แนะนำซีรีส์เรื่องนี้ เป็นซีรีส์มันส์ ๆ ที่ผสมแฟนตาซี เล่าเรื่องราวของเหล่าเคาน์เตอร์ ผู้มีพลังเหนือมนุษย์และทำหน้าที่ในการไล่ล่าเหล่าปีศาจร้ายระดับต่าง ๆ ที่แฝงตัวอยู่บนโลกที่คร่าชีวิตคนเพื่อเพิ่มพลัง ในเรื่องนอกจากจะสนุกไปกับเรื่องราวการส่งวิญญาณร้ายเหล่านี้ไปยังปรโลกแล้ว ยังมีสตอรี่ที่พวกเขาได้เผชิญหน้ากับคนที่ชั่วร้าย ที่ทำให้ตั้งคำถามว่า ปีศาจหรือมนุษย์กันแน่ที่ร้ายกว่ากัน?
4. The Way of the Househusband (2021)
ตั้งแต่ Vincenzo เข้าฉายใน Netflix ดูเหมือนจะมีแค่อนิเมะ “พ่อบ้านสุดเก๋า” เรื่องเดียวมั้งคะ ที่ล้มแชมป์คว้าที่ 1 ได้สำเร็จ เหมือนมาเฟียญี่ปุ่นบุกมาถึงรังมาเฟียอิตาลีเลยนะ เรื่องนี้ มีพระเอกเป็นยากูซ่าที่วางมือมาเป็นพ่อบ้านฟูลไทม์ ทำข้าวกล่องน่ารัก ซื้อของเซลล์ซูเปอร์ ฯลฯ อยากได้เสียงหัวเราะจากมาเฟีย ก็ต้องเรื่องนี้
5. The Chinese Ghost Story (1987)
เรื่องสุดท้าย เราจะไม่แนะนำหนังแก๊งสเตอร์ The Godfather หรือ กู๋หว่าไจ๋ ให้คุณ เพราะคิดว่าน่าจะรู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่ขอแนะนำหนัง โปโยโปโลเย ปี 1987 ที่เลสลี่จาง เล่นกับหวังจู่เสียนน่ะค่ะ ดูแล้วตบเข่าฉาดเลยว่า คนเขียนบท Vincenzo รักภาพยนตร์เรื่องนี้มากแค่ไหน
ไม่ได้เขียนรีวิวซีรีส์แบบจัดเต็มแบบนี้มานาน อ่านแล้วรู้สึกยังไง ส่งฟีดแบ็กมาบอกที่ทวิตเตอร์ @bluesherbet_ กันบ้างนะคะ
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡