หลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจากสถานการณ์โควิด – 19 ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงค่ะ!! วันที่เราจะได้ดูที่รักทั้ง 2 คนของเรากงยูและโบกอมมี่ในจอโรงภาพยนตร์! การโคจรมาเจอกันของ 2 คนนี้คือฟ้าประทานมากขอซีรีส์คู่กันสักเรื่องจะดูขอมากเกินไปไหมนะ กลับมาที่หนังของเรากันดีกว่า ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ใครที่คาดหวังว่ามันจะต้องแอคชั่นจัดเต็ม ระเบิดภูเขาเผากระท่อม บู๊กระจายมันส์สนั่น ไล่ล่ากันโหดๆอะไรแบบนี้ขอให้หยุดความคาดหวังไว้ตรงนั้นเลยค่ะ เพราะหนังเรื่องนี้มันไม่ใช่หนังบู๊แอคชั่นล้างผลาญแต่อย่างใด แต่ นี่มันคือหนังปรัชญา!!
เป็นหนังที่ตั้งคำถามถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่ของคนเรา ความตายที่เป็นดั่งสัญลักษณ์สำคัญของการเป็นมนุษย์ และความเป็นอมตะที่มนุษย์ทุกคนใฝ่ฝันถึง ผ่านตัวละครหลัก 2 ตัว อย่าง มินกีฮยอน (รับบทโดย กงยู) สายลับหนุ่มที่กำลังจะตายด้วยโรคร้ายที่รักษาได้ยาก และ ซอบก (รับบทโดย พัคโบกอม) มนุษย์โคลนนิ่งคนแรกของโลกที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรมจนมีชีวิตเป็นนิรันดร์ โดยทั้ง 2 ต้องกลายมาเป็นคู่หูจำเป็นเมื่อขบวนรถที่จะต้องส่งซอบกไปยังฐานลับใหม่ที่ปลอดภัยถูกโจมตี
ในช่วงแรกของหนังค่อนข้างเอื่อยๆเรื่อยๆ ไม่มีอะไรหวือหวา เป็นการปูทางให้คนดูได้รู้จักตัวละครหลักทั้ง 2 ตัว ว่าเป็นใครมาจากไหน และเป็นช่วงที่ค่อยๆป้อนคำถามในหัวคนดูเพื่อให้คนดูตามหาคำตอบในช่วงต่อๆไปของหนัง พอดำเนินมาถึงช่วงกลางเรื่องเราจะเริ่มเห็นถึงมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นของคู่หูจำเป็นที่ค่อยๆพัฒนามาเป็นพี่น้องต่างสายเลือด ขอกรี๊ดหน่อยเถอะโบกอมคือน้องมากก น้วยมากกก ด้วยความที่ทั้งชีวิตอยู่แต่ในห้องแล็ปพอได้มีโอกาสออกมาใช้ชีวิตข้างนอกทุกอย่างเลยดูแปลกใหม่ไปหมด เหมือนเด็กน้อย 3 ขวบเพิ่งได้ไปโรงเรียนอนุบาลวันแรกอะ น่ารักจนอยากตาย บอกเลยว่าพูดคำนี้ระหว่างดูไม่ต่ำกว่า 100 รอบ พลังทำลายล้างความน่ารักของโบกอมบอกเลยว่าสูงกว่าพลังวิเศษที่โบกอมมีอีก 555555
การเลือก กงยู มาประกบ โบกอม ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก คนแคสต์นักแสดงทำการบ้านมาดีสุดๆในจุดนี้ กงยูมีมาดพี่ชายดุ ๆ แต่ก็ตามใจน้องอะเข้าใจไหม อารมณ์อย่าเอาตาแป๋ว ๆ มาจ้องฉันนะเพราะฉันจะใจอ่อน! งี้เลย 5555 น้องมองมาเมื่อไหร่พี่เป็นต้องใจอ่อนยวบยอมน้องเรื่อยไป ถึงแม้ก่อนหน้านั้นปากจะบอกไม่ไม่ไม่ก็ตาม คิวบู๊เอย การเข้าถึงอารมณ์ดราม่าเอย อะไรเอย กงยูเอาอยู่มาก!! แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็นพลังความเทพในการแสดงของกงยูและโบกอมมากเท่าไหร่นัก คิวบู๊ของกงยูที่นึกว่าจะได้เห็นแบบมันส์หยดก็กลับได้เห็นเพียงนิดเดียว
เมื่อถึงครึ่งหลังหนังก็เริ่มขน CG มาใส่กันแบบโบ้มๆ ภาพสวยและ CG ค่อนข้างกริบมากกกไม่ผิดหวังในเรื่องนี้แต่ดันขมวดปมปุ๊บปั๊บและจบเลยเร็วมาก ดราม่าที่สาดเข้ามาในช่วงกลางเรื่องถึงท้ายเรื่องถูกสาดมาแบบงงๆ ยัดเยียดให้คนดูอิน แต่มันกลับไม่อินไงเพราะตัวหนังยังไม่เด็ดขาดกับการขยี้ประเด็นที่ตั้งไว้เท่าไหร่ ตัวโครงเรื่องวางมาดีมาก แต่กลับเล่นไม่ถึงแก่นของมัน เรียกว่ายังเล่าได้ไม่เฉียบขาดพอ แถมยังปูปมตัวละครมาน้อยทำให้เรายังไม่อินกับอะไรเท่าไหร่และด้วยความที่เป็นหนังปรัชญาที่ฉากหน้าดูเป็นหนังแอคชั่น มันทำให้คนที่เข้ามาดูเพราะจะมาเอาความตื่นเต้น มันส์ทะลุจออาจจะไม่ชอบและเบื่อเอาง่ายๆ
การใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากเป็นคือสิ่งที่ ‘มนุษย์’ ทุกคนต้องการ ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ทัชใจตัวเรามากที่สุด แค่ประโยคเดียวที่ซอบกพูดออกมาก็เรียกน้ำตาให้ไหลออกมาได้ง่ายๆ “แม่เป็นหมอ เพราะแม่อยากเป็น แล้วผมล่ะ ผมเป็นอะไรได้บ้าง ผมขอเป็นอะไรสักอย่างบ้างได้ไหม ผมแค่อยากจะเป็นอะไรสักอย่าง… อะไรที่สำคัญกับใครบางคน” คนเราเมื่อเกิดมาแล้วไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ย่อมเต็มไปด้วยความต้องการที่จะเป็นที่รักและได้รับอิสระ คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อถูกใช้เป็นตัวทดลองที่มีชีวิต หรือเพื่อชดใช้ในสิ่งที่พ่อแม่ทำไม่ได้ เราแค่อยากจะใช้ชีวิตของเราในแบบที่เราต้องการ และเป็นที่รักของใครซักคนอย่างแท้จริง ดูจากการดีไซน์ให้ทะเลอยู่ในห้องแล็ปของซอบกและฉากไปทะเล ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อออกมาคือสิ่งที่ซอบกต้องการมีอยู่เพียง 3 สิ่งง่ายๆแต่ได้มายาก อย่าง ‘อิสระ’ ‘การได้ใช้ชีวิตและการเป็นที่รัก’ และ ‘การได้หลับไหลอย่างมนุษย์ปกติ’
‘ความตาย’ สัญลักษณ์สำคัญของการเป็นมนุษย์ กลไกธรมชาติที่มนุษย์หวาดกลัวและไม่ยากให้มาถึงมากที่สุด แต่หารู้ไม่ว่าความตายนี่แหละที่เป็นอีกสิ่งที่หล่อหลอมให้มนุษย์เป็นมนุษย์ หากไม่มีความตายแล้วมนุษย์จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เพราะเวลาที่จำกัดมันไม่จำกัดอีกต่อไปแล้ว การใช้ชีวิตและเป้าหมายของมนุษย์คงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นการเพิ่มพูนกิเลศในลาภยศ ชื่อเสียง เงินทองและสิ่งที่จะตามมาเป็นลำดับต่อไปก็คือความวินาศของโลก
สุดท้ายขอพูดถึงการแสดงที่เข้าขากันสุดติ่งของโบกอมและกงยู เป็นการโคจรมาเจอกันที่ความ Bromance ทะลุจอยังกับดู 4DX เกาหลีเขาเก่งเรื่องการดึงเคมีอะไรแบบนี้จริงๆนะคะยอมใจ 5555 แม้หนังจะไม่หวือหวาเท่าที่ควรแต่ความหล่อของกงยูอปป้าและความน่ารักของโบกอมมี่หวือหวามากทะลุกราฟมากค้า การแสดงของโบกอมในเรื่องนี้แม้บทพูดจะน้อยมากแต่โบกอมใช้สายตาเยอะเผื่อคนทั้งกองแล้ว เป็นการแสดงที่ใช้สายตาพูดแทนทุกอย่างและโบกอมเองก็ทำออกมาดีมาก
“เพราะเราใช้ชีวิตด้วยความกลัวที่ว่าชีวิตเราจะจบลงสักวันหนึ่ง เราจึงตามหาความหมายของชีวิต หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ความตายคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงการมีชีวิตนั่นเอง”
มาตามหาความหมายของชีวิตไปพร้อมๆกับซอบกได้ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน เป็นต้นไป ฉายแล้วในโรงภาพยนตร์
บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡