Kairos ภาษากรีกโบราณที่มีความหมายหลายชั้น ทั้งสามารถหมายถึง เวลาตามความคิด กล่าวคือบางครั้งเวลา 10 นาทีดูเหมือนจะนานราวกับ 1 ชั่วโมงในความคิดของบางคนและบางครั้งเวลา 1 ชั่วโมงดูจะผ่านไปอย่างรวดเร็วในความคิดของบางคน และยังสามารถหมายถึง เวลาที่เหมาะสมที่จะพูดหรือทำในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม ได้อีกด้วย
จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่คนเขียนบทตั้งชื่อซีรีส์เรื่องนี้ว่า Kairos เพราะซีรีส์เรื่องนี้จะพาเราท่องไปในโลกที่ดำเนินไปตามมิติเวลาที่มันดันมาประสบกันได้ในช่วงเวลา 22.33 ที่คิมซอจิน และ ฮันแอรี 2 คนที่อยู่ต่างมิติเวลากันแต่กลับสามารถติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นการโทรหรือการแชทได้เป็นเวลา 0.59 วินาที !! มันไม่ได้เป็นเพียงการติดต่อกับคนในอดีตหรืออนาคตเพื่อช่วยคนที่รักที่ตัวเองรักเพียงเท่านั้น เพราะ Kairos ได้หยิบยกเอาทฤษฎี Butterfly Effect และ ปรากฏการณ์ Déjà vu เข้ามาผสมผสานในการเล่าเรื่องผ่านมิติเวลาที่บรรจบกันนี้ให้มันดูสมเหตุสมผลมากขึ้นไปอีกระดับ
เวลาที่พวกเขาได้พูดคุยกันจึงกลายเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะพูดและทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมตามชื่อเรื่องนั่นเอง
เรื่องราวของ Kairos เริ่มต้นขึ้นเมื่อลูกสาวอันเป็นที่รักของ คิมซอจิน (รับบทโดย ชินซองรก) ถูกลักพาตัวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในงานเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัท เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้มันทำให้เขาและภรรยาอย่าง คังฮยอนแช (รับบทโดย นัมกยูริ) ถึงกลับเสียสูญ แต่แล้ววันหนึ่งก็มีสายปริศนาโทรเข้ามาว่าจะส่งดาบินลูกสาวของเขากลับบ้าน แต่สิ่งที่ส่งกลับมากลับเป็นนิ้วของลูกสาวของเขาแทนและเมื่อตรวจสอบทางนิติเวชวิทยาแล้วก็สันนิษฐานได้ว่าลูกสาวของเขาเสียชีวิตก่อนถูกตัดนิ้ว ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสก็เข้าถาโถมคิมซอจินและภรรยาทันที จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ภรรยาของเขาตัดสินใจกระโดดสะพานแม่น้ำฆ่าตัวตาย
ปล่อยให้ซอจินต้องทนทุกข์กับความทรมานเพียงคนเดียว แต่ในขณะที่ซอจินกำลังจะฆ่าตัวตายตามลูกสาวและภรรยา เสียงข้อความจากฮันแอรีก็ดังขึ้นมาทันที โดยเธอบอกกับเขาว่าเคยเห็นลูกสาวของเขาที่ถือตุ๊กตาแบบเดียวกับในรูปที่ซอจินส่งกลับมาทางข้อความในตอนที่เธอทักไปทวงโทรศัพท์คืน (เบอร์พระเอกปัจจุบันคือเบอร์ที่นางเอกเคยใช้แต่ทำหายในอดีต) ฮันแอรีจึงกลายเป็นความหวังใหม่ที่จะพาเขาให้กลับไปอยู่กับครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง พวกเขาจึงนัดเจอกันเพื่อพูดคุยแต่กลับไม่เจอกันในขณะนั้นซอจินก็รู้ได้ทันทีว่า สิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นกับเขาอยู่ในตอนนี้ ฮันแอรีที่เขาคุยด้วยคือผู้หญิงที่อยู่ในอดีตที่ห่างจากเขาไป 1 เดือนก่อนที่ลูกสาวเขาจะหายตัวไป
ในขณะเดียวกัน ฮันแอรี (รับบทโดย อีเซยอง) นักศึกษาสาวที่ต้องเรียนและทำงานอย่างหนักเพื่อรวบรวมเงินมาจ่ายค่าผ่าตัดให้แม่จากการทำงานพาร์ทไทม์ ที่วันหนึ่งในขณะที่เธอกำลังจะไปเยี่ยมแม่กลับพบว่าแม่ของเธอได้หายตัวไปจากโรงพยาบาลอย่างลึกลับ ในขณะที่เธอรู้สึกหมดหวังกับการตามหาแม่ จึงคิดจะพึ่งทางออกสุดท้ายจากชายปริศนาที่อ้างว่าตัวเองอยู่ในอนาคตที่ห่างจากเธอไป 1 เดือนในการตามหาแม่ของเธออีกแรงหนึ่ง ชายปริศนาคนนั้นก็คือ คิมซอจิน คนที่เธอคิดว่าขโมยโทรศัพท์ของเธอไปนั่นเอง แต่เมื่อซอจินและแอรีร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงอดีตไปเรื่อยๆ อนาคตก็ถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆเช่นกันซึ่งทุกการเปลี่ยนแปลง เราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะดีหรือร้าย
▶เดินเรื่องเร็วสั้นกระชับ แต่กลับเต็มไปด้วยจุดพีคที่ยากจะคาดถึง
เป็นซีรีส์ที่ตลอด 16 ตอนที่ไม่มีตอนไหนน่าเบื่อเลยแม้แต่นาทีเดียว แม้กระทั่งตอนสุดท้ายก็ยังมีปมให้เราได้ลุ้นและติดตามไปกันจบ เพราะมีการเล่นกับทฤษฎี Butterfly Effect การเปลี่ยนแปลงอดีตทุกครั้งแม้มันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ก็สามารถส่งผลกระทบกับปัจจุบันได้เช่นกัน ทำให้เราไม่สามารถคาดเดาอะไรภายในเรื่องได้เลยว่า ตัวละครจะทำอะไรต่อไป ฉากต่อไปจะเป็นแบบไหน หรือตอนจบจะลงเอยเช่นไร เนื้อเรื่องดูจะซับซ้อนมากพอสมควรแต่น่าแปลกตรงที่ว่ามันไม่ทำให้คนดูอย่างเรางงเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป และถูกทำให้เข้าใจได้อย่างง่ายดายผ่านบทพูดที่ตัวละครเฉลยออกมาและจากการทำให้เห็นภายในซีรีส์
▶ บทสุดล้ำค่า ที่นักเขียนใช้เวลารังสรรค์ถึง 3 ปี !!
ขอยกให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่มีบทยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี ทุกอย่างไร้ที่ติ ทุกอย่างถูกเก็บรายละเอียดได้อย่างเนียนกริ๊บ สามารถทำให้ปมประเด็นหลักในเนื้อเรื่องครึ่งแรกแตกต่างจากครึ่งหลังอย่างสิ้นเชิง (เหมือนดูซีรีส์ 3 เรื่องในเรื่องเดียว555) คนเขียนบททำได้อย่างไรกันเก่งมากกก ทุกตัวละครเต็มไปด้วยความฉลาดที่กินกันไม่ลง ทำให้เนื้อเรื่องมันพลิกไปพลิกมาเป็นสิบตลบเช่นนี้ตั้งแต่ต้นยันจบ จากโศกนาฎกรรมภายในครอบครัวสู่โศกนาฎกรรมระดับประเทศที่เต็มไปด้วยความเน่าแฟะที่คนบางกลุ่มอยากจะฝังลงดินให้สลายหายไปตามกาลเวลา เป็นเรื่องที่สามารถวาง Timeline ไว้แน่นมากไม่มีไหลออกนอกทะเลเลยแม้แต่นาทีเดียว
▶ เป็นซีรีส์ที่ใช้ ‘เวลา’ ในการดำเนินเรื่องอย่างคุ้มค่า
ใครจะไปเชื่อว่าเพียงแค่การพูดคุยของตัวละครเพียง 2 ตัว ภายในเวลาเพียง 0.59 วินาทีจะสร้างปรากฎการณ์ไม่คาดฝันหลายครั้งหลายคราเช่นนี้ แถมยังมีการแทรกอาการเดจาวูให้กับตัวละครในอดีตที่เดินมาถึงช่วงเวลาในอนาคตที่เคยเกิดความทรงจำอันเก่าไว้ด้วย เพราะฉะนั้นการทำให้มิติเวลาของทั้ง 2 คนมาบรรจบกันจึงไม่ใช่เรื่องยากเหมือนเรื่องอื่นๆ ความทรงที่ทำร่วมกันมาก็อยู่ครบถ้วนไม่มีส่วนไหนหล่นหาย เป็นการสร้างความสมเหตุสมผลให้กับบทได้อย่างแนบเนียน นอกจากนี้คนเขียนบทยังฉลาดล้ำขึ้นไปอีกระดับโดยการให้ตัวละครอย่างฮันแอรีและคิมซอจินใช้ความได้เปรียบที่ตัวเองรู้อนาคตก่อน ในการแก้ปมใหญ่ที่สุดของเรื่องต้นตอของเรื่องทั้งหมดเพื่อให้การติดต่อข้ามเวลาที่กำลังเป็นอยู่นี้จบลงเสียที
▶ มนุษย์เรามักจะเรียนรู้การใช้ชีวิตจากความผิดพลาดในอดีต
คิมซอจิน ภายในเรื่องเขาเป็นผู้ชายที่เพรียบพร้อมไปด้วยหน้าที่การงานที่มั่นคง ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบลูกสาวที่น่ารักและภรรยาที่ดูแลเอาใจใส่ แต่เรื่องที่เขามักจะให้ความสำคัญมาเป็นอันดับ 1 เสมอกลับไม่ใช่ครอบครัวแต่เป็น ‘งาน’ ทำให้เขามักจะละเลยลูกสาวตัวน้อยและภรรยาเสมอ แต่เมื่อลูกสาวของเขาหายไปทำให้เขาเรียนรู้ได้ทีละน้อยว่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขานั่นช่างน่าเสียดายเพราะแม้แต่เรื่องเล็กน้อยของลูกสาวเขายังไม่เคยรู้ ไม่เคยแม้แต่จะไปงานโรงเรียนของลูกด้วยซ้ำ และนิสัยของเขาที่ไม่คิดจะฟังใครเพราะยึดถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ทำให้เขาอาจจะทำอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงลงไปอย่างไม่รู้ตัว แต่คิมซอจินโชคดีตรงที่เขายังมีโอกาสในการแก้ไขอดีตเพื่อทำให้ปัจจุบันดีขึ้น แต่ในชีวิตจริงนั่นเราไม่สามารถทำแบบคิมซอจินได้ เราจึงต้องมองไปข้างหน้าและทำแต่สิ่งที่ตัวเราเองจะไม่ย้อนกลับมาเสียใจในภายหลัง
▶ การแสดงของนักแสดงทุกคนที่เข้าขั้นทรงพลัง
นักแสดงในเรื่องนี้ปล่อยของกันแบบไม่มีใครยอมใครเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะตัวละครสมทบอย่างซึงยุน WINNER ในบทอิมกอนอุค ที่คอยสนับสนุนแอรีทุกอย่างเพราะเขาตกหลุมรักเธฮอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ว่าแอรีจะทำอะไรเขาจะเป็นคนคอยสนับสนุนและชี้นำแอรีอยู่เสมอ
อันโบฮยอน ในบทของซอโดกยูน ที่ยังคงเดินหน้ารับบทร้ายก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง เขาสามารถเล่นเป็นบทชายหนุ่มที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อหญิงคนรักได้อย่างไร้ที่ติ ถึงแม้จะต้องทำผิดก็ตาม
คังฮยอนแช (รับบทโดย นัมกยูริ) เป็นตัวละครที่เล่นได้น่าหมั่นไส้จนทำให้คนดูหัวร้อนกับบทของเธอในทุกๆตอน การแสดงสีหน้าและน้ำเสียงที่เธอเลือกเปล่งออกมามันช่วยซัพพอร์ตให้ทุกการกระทำของเธอในเรื่องมันดูปลอมไปหมด เป็นตัวละครที่สอนให้รู้ว่าความโลภเป็นหนทางแห่งหายนะอย่างแท้จริง
ชินซองรก เป็นอีกนักแสดงที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เขาสามารถแสดงให้เห็นถึงซอจินที่แตกต่างกันอย่างไม่มีที่ติในช่วงเวลาที่ต่างกันได้อย่างน่าทึ่ง จากซอจินที่แข็งกร้าวไม่ฟังใครกลายเป็นซอจินที่เข้าใจโลกและอบอุ่น และในครึ่งแรกของซีรีส์เขาก็ยังสามารถแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่แตกสลายของพ่อและสามีที่ต้องสูญเสียลูกสาวและภรรยาไปได้อย่างเศร้าจับใจ ในขณะที่อีเซยอง ตัวละครหลักอีกคนก็สามารถแสดงให้เห็นถึงเอรี ผู้ที่มักจะเห็นแก่ผู้อื่นและยึดถือความยุติธรรมอยู่เสมอแม้จะเกิดปัญหาหนักหนากับตัวเธออย่างต่อเนื่อง ทั้ง 2 ตัวละครหลักพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นตัวละครที่เจออะไรมามากจริงๆ แถมยังฉลาดกันมากๆด้วย
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ขอยกขึ้นหิ้งซีรีส์ที่ดีที่สุดในปี 2020 อีกหนึ่งเรื่อง เป็นเพชรในตมที่ไม่ค่อยมีคนได้กดเข้ามาดูเท่าไหร่หนัก แต่ขอบอกไว้ได้เลยว่าถ้าหากได้ดูแล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน !! สามารถรับชมซับไทยถูกลิขสิทธิ์ได้ทุกอังคารและพุธ ที่ VIU <คลิก>
บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡