เข้ามากันแบบไม่หวาดไม่ไหวสำหรับซีรีส์ล็อตสุดท้ายส่งท้ายปี 2020 ใครที่ยังหาซีรีส์ดูต่อจาก Start Up ที่เพิ่งลาจอไปไม่ได้ขอนำเสนอแบบเสียงดังๆเลยว่าต้องเรื่อง The Uncanny Counter เท่านั้น!!! เป็นซีรีส์ที่สร้างมาจากเว็บตูนชื่อ Amazing Rumor ที่ตอนนี้สนุกจนหยุดเรตติ้งไม่อยู่ ล่าสุด Ep.6 ทำเรตติ้งพุ่งทะยานถึง 7.654% ล้มแชมป์เก่าอย่าง Voice 2 ที่เคยทำเรตติ้งสูงสุดที่ 7.086% ในปี 2018 ขึ้นแท่นกลายเป็นซีรีส์ที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่อง OCN ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
The Uncanny Counter เป็นเรื่องราวของกลุ่มนักล่าปีศาจที่เรียกตัวเองว่า ‘เคาน์เตอร์’ ได้รับหน้าที่มาจากปรโลกให้ทำงานคล้ายกับยมทูตที่ไล่ล่าตามจับปีศาจร้ายที่หลบหนีออกมาอยู่ในโลกมนุษย์ โดยเปิดร้านบะหมี่ ‘ออนนี่’ ที่อร่อยจนคนต่อแถวยาวเหยียดเป็นที่บังหน้าและเป็นศูนย์บัญชาการ ซึ่งคนที่จะสามารถเป็นเคาน์เตอร์ได้จะต้องผ่านช่วงเวลาโคม่าใกล้ตายมาก่อน เพื่อให้ร่างกายสามารถรองรับให้คู่หูยมทูตเข้าไปสิงสู่ภายในร่างได้ ซึ่งคู่หูยมทูตที่เข้าไปสิงสู่ก็จะมีตัวตนที่แตกต่างกันออกไป พลังของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปตามลักษณะนิสัย และการฝึกฝนด้วย
โดยเคาน์เตอร์จะมีพละกำลังมากกว่ามนุษย์ทั่วไปถึง 3 เท่า!! สามารถตรวจจับปีศาจได้ในระยะทางหลายกิโลเมตรในช่วงที่ปีศาจเหยียบเข้าไปในพื้นที่ที่เปิดออก และสามารถอ่านความทรงจำเมื่อโดนตัวทั้งคนและปีศาจได้บางส่วน นอกจากนี้ยังมีเวลาที่ร่างกายของเคาน์เตอร์สามารถเพิ่มพลังได้มากถึง 5 เท่าคือเวลาที่ ‘พื้นที่ของยุง’ เปิดออก ซึ่งพื้นที่จะเปิดออกก็ต่อเมื่อพลังของสวรรค์และโลกมนุษย์ประสานกันจนทำให้เกิดคลื่น จะมีเพียงเคาน์เตอร์เท่านั้นที่จะมองเห็น พื้นที่ของยุงนั้นจะมีลักษณะเป็นเหมือนแสงเหนือ โดยจะไม่สามารถรู้ได้ว่าพื้นที่จะเปิดออกเมื่อไหร่และนานแค่ไหน
แต่แล้ววันนึง โซมุน (รับบทโดย โจบยองกยู) เด็กมัธยมปลายที่ขาพิการจากอุบัติเหตุที่พรากชีวิตพ่อแม่เขาไปในวัยเด็ก กลับได้รับพลังจาก วีเก็น (รับบทโดย มุนซุก) ยมทูตที่ต้องหาร่างสิงสู่อย่างไม่รู้ตัว โดยเขาไม่ได้นอนโคม่าเหมือนคนอื่นๆเลยด้วยซ้ำ และดูเหมือนพลังในตัวของโซมุนนั้นจะเหนือกว่าคนอื่นๆด้วย ในครั้งแรกโซมุนยืนกรานว่าจะไม่เข้าร่วมเป็นเคาน์เตอร์ แต่ด้วยความที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นในการปกป้องเพื่อนๆให้รอดพ้นจากเงื้อมืออันธพาลที่โรงเรียน ทำให้โซมุนกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกเคาน์เตอร์ประจำเกาหลีอย่างถาวร
โดยสมาชิกเดิมนั้นมีอยู่แล้วทั้งหมด 4 คน คือ โทฮานา (รับบทโดย คิมเซจอง) หญิงสาวสุดแกร่งที่เจ็บปวดกับความทรงจำในอดีตจึงหลีกเลี่ยงการโดนตัว มีพลังในการอ่านความทรงจำย้อนกลับไปได้หลายปีในเวลาไม่กี่วินาที และมีพลังในการตรวจจับปีศาจได้ในรัศมีหลาย 100 กิโลเมตร
คุณชูหรือชูมันอ๊ค (รับบทโดย ยอมฮเยรัน) คุณป้าใจดี ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของกลุ่มเคาน์เตอร์ มีพลังในการรักษาเยียวยา
กาโมทัก (รับบทโดย ยูจุนซัง) อดีตตำรวจสายสืบที่ต้องนอนโคม่าจากการไล่ล่าของกลุ่มผู้มีอิทธิพลจนเขาต้องสูญเสียความทรงจำ รักความยุติธรรม มีพละกำลังมหาศาล และเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้
และชเวชังมุล (รับบทโดย อันซอกฮวาน) เคาน์เตอร์คนแรกของเกาหลี มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจค้าปลีกที่รวยติดอันดับของเกาหลี เป็นคนที่คอยดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการปฎิบัติงานของเคาน์เตอร์
โดยเคาน์เตอร์จะมีหน้าที่ในการไล่ล่าจับปีศาจที่ถูกแบ่งระดับออกเป็น 4 ระดับ คือ ปีศาจระดับ 1 เป็นปีศาจที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในร่างกายมนุษย์ได้ไม่นาน มนุษย์ที่เป็นร่างสิงสู่มักจะไม่รู้ตัวว่ามีปีศาจอยู่ในร่าง ปีศาจระดับนี้จะไม่ค่อยแข็งแกร่งเพราะอาจจะยังไม่เคยฆ่าใคร หากปีศาจได้กินวิญญาณเพียงดวงเดียวพลังก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล และกลายเป็นปีศาจระดับ 2 หลังจากนั้นปีศาจก็จะเริ่มหลงใหลในพลังของตัวเองแล้วก็เริ่มบ้าคลั่งในการฆ่าคน.หากฆ่าและกินวิญญาณไปประมาณ 4-5 ดวงจะกลายปีศาจระดับ 3 ที่บางตัวสามารถใช้พลังจิต ในการอ่านความทรงจำและสะกดจิตได้ด้วย นอกจากนี้ถ้าเป็นปีศาจระดับ 3 จะมีเสียงสองเสียงเพราะปีศาจกับร่างสิงสู่มีการสื่อสารระหว่างกันแล้วนั่นเอง และปีศาจระดับสูงสุดระดับ 4 จะเป็นขั้นที่ปีศาจกับร่างสิงสู่กลายเป็น 1 เดียวกันโดยสมบูรณ์แบบ
แต่ความสนุกมันไม่ได้มีแค่เพียงการไล่ล่าจัดการกับปีศาจ แต่ภายในเรื่องยังคงแฝงไปด้วยปมปริศนาการตายของพ่อแม่โซมุน และการบาดเจ็บของโมทัก ที่ดูเหมือนจะเข้าไปพัวพันกับนักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพลสูง ขนานไปกับการตีแผ่การใช้อำนาจมืดของนักการเมืองท้องถิ่นและวงการตำรวจ ปัญหาความรุนแรงภายในโรงเรียนของเกาหลีที่เป็นตัวผลักดันให้โซมุนเข้ามาเป็น 1 ในแก๊งเคาน์เตอร์ และเหตุผลที่แท้จริงที่แก๊งเคาน์เตอร์ต้องมาปักหลักอยู่ที่เมืองชุงจินที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘เมืองคนบาป’ อีกด้วย
นอกจากนี้ฉากแอคชั่นก็ขอบอกได้เลยว่า บู๊แหลกมากกกกกก ดูนักแสดงวิ่งจนเหนื่อยแทน นักแสดงทุกคนทำออกมาได้ดีมากกก โดยเฉพาะเซจองที่สลัดคราบไอดอลออกไปจนหมดเลยก็ว่าได้ ดูก็รู้เลยว่าเซจองทำการบ้านสำหรับเรื่องนี้มาอย่างหนัก โจบยองกยูก็เล่นได้เข้ากับบทสุดๆ โซมุนคือบทน้องมากกก เพราะทุกคนในทีมล้วนโอ๋ ดูแลโซมุนเหมือนเป็นเด็กเล็ก ขนาดเพื่อนๆและครอบครัวยังโอ๋โซมุนเลย โจบยองกูน่ารักทะลุจอออกมาเลยจริงๆ บทดราม่าก็น่าสงสารซะจนอยากจะเข้าไปกอดปลอบ
งานภาพ งานมุมกล้องก็จัดเต็มมากกก มีการใส่ความเป็นการ์ตูนลงไปในบางฉากซึ่งมันทั้งดูว้าว และดูน่ารักไปพร้อมๆกัน บางฉากก็มีการใช้มุมกล้องแบบ FPS (First person shooter) หรือ มุมมองบุคคลที่หนึ่งที่เรามักจะเห็นในเกมประเภท Shooting ด้วยทำให้คนดูเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับที่ตัวละครกำลังเจอ เหมือนเรากำลังร่วมต่อสู้กำจัดปีศาจไปพร้อมๆกับเคาน์เตอร์เลยก็ว่าได้
ใครที่ชอบแนวคอมมิค บู๊แอ๊คชั่น แฟนตาซีเหนือธรรมชาติต้องกดไลค์ให้กับเรื่องนี้หนักๆแน่นอน เป็น 1 ชั่วโมงที่ดูง่าย ย่อยง่ายเหมาะกับคนที่อยากจะหาซีรีส์สนุกๆไม่ต้องคิดเยอะดูในช่วงวันหยุด cg ทำออกมาได้เนียนเนี๊ยบไม่ขัดตา การครีเอทนรกและสวรร์ทำออกมาได้ดูทันสมัยและแปลกใหม่ และส่วนที่ชอบที่สุดคือแก๊งเคาน์เตอร์ไม่ได้มีแต่คนหนุ่มสาวแต่มีรุ่นป้า และลุงๆ ที่ก็เก่งกาจไม่แพ้เด็กๆเลย เหมือนเป็นการสร้างภาพจำความเป็นฮีโร่แบบใหม่
ติดตามดู The Uncanny Counter ได้ทาง Netflix ได้ทุกวัน เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 21.00 น.
บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡