When The Camellia Blooms พูดได้เลยว่าเป็น ‘ซีรีส์แห่งปี’ ที่ไม่ควรพลาดในปี 2019 มันใช่มาก หากใครกำลังมองหาตัวเลือกแบบนี้
- ละครสายรอมคอมที่ไม่ธรรมดา ไม่จำเจ แตกต่างสดใหม่ ด้วยรูปแบบผสมผสานหลาย genre ด้วยลีลาเดินเรื่องและโทนที่เรียลๆธรรมชาติ ไม่ค่อยมีความประดิษฐ์แบบรอมคอมทั่วไป รวมทั้งบทที่ชวนคิดตามได้ตลอดเวลา
ว่าง่ายๆคือ ‘ดูเหมือนเบา แต่ไม่แบน ดีต่อใจ ไม่ธรรมดา’
- ละครมากอรรถรส คลุกเคล้ากลมกล่อม บทจีบกันน่ารักฟินๆสุดโรแมนติค มุกอมยิ้มฮาๆก็ช่างคิดและหยอดในที่ที่เกินคาดเดา ปมลุ้นๆตื่นเต้นชวนเดา ใครคือฆาตกร ใครคือเหยื่อ บทดรามาน้ำตาไหลรื้นจุกอก ความฟิลกู้ดอิ่มใจทั้งในความสัมพันธ์ของครอบครัวและมิตรภาพสไตล์บ้านๆ
ว่าง่ายๆคือ ‘เหมือนกินยำที่มีมากกว่าสามรส’
- ละครที่การันตีในฝีมือนักแสดง ระดับกงฮโยจิน (คนที่เคยประทับใจเจ๊กงจากเรื่อง Thank You นับรองว่าเรื่องนี้เหมาะสมจะเป็นเป้าหมายต่อไปอย่างแน่นอน) คังฮานึล (เล่นเนียนจนต้องคิดว่าเขาคือตัวละครนั้นจริงๆ) คิมคังฮุน (ดาราหนูน้อยน่ารักพร้อมฝีมือเกินวัย) คิมจีซอก โอจองเซ ซนดัมบิ อีจองอึน ยอมฮเยรัน โกดูซิม คิมซอนยอง เป็นต้น ถ่ายทอดคาแรคเตอร์ตัวละครกันอย่างมีเสน่ห์ทุกคน
ว่าง่ายๆคือ ‘ดูจบ จะรักทุกตัวละคร ขนาดร้ายก็ยังน่ารักน่าชัง’
- ละครที่งานโปรดัคชันมีคุณภาพ ดูสวยสดใสสบายตา โลเคชันดี เพลงเพราะ
ว่าง่ายๆคือ ‘ดูจบแล้ว น่าตามรอยไปเที่ยวสักครั้ง’
- ละครที่ทุบสถิติเรตติงสูงสุดของปีนี้ในกลุ่มละครไพร์มไทม์ (ช่วงเวลาเงินเวลาทอง) ของสามช่องหลัก (ไม่รวมช่องเคเบิล) ที่เปิดตัวด้วยเรตติ้ง 6.3% และจบลงด้วยเรตติ้งสูงถึง 23.8%
ว่าง่ายๆคือ ‘มีคนการันตีให้ขนาดนี้แล้ว ไม่ดูคือตกกระแสนะ’
อันดับแรก เรามาดูกันว่า ทำไมถึงชื่อเรื่องว่า When the Camellia Blooms ?
ดอกคาเมลเลีย สื่อความหมายของความรักที่ถ่อมตน ไม่เสแสร้ง งดงาม มีคุณค่าน่ายกย่อง และยั่งยืน ดุจเป็นความโชคดีของผู้ได้ความรักนี้ไป ดอกคาเมลเลีย เคยถูกนำไปใช้ในวรรณกรรมดังเรื่อง To Kill A Mocking Bird ที่ใช้สื่อเล่าความมีอคติในเรื่องเหยียดผิว แต่ผู้เขียนเข้าใจว่าคนเขียนบทอาจได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติของดอกคาเมลเลียที่บานต่างจากดอกไม้หลายพันธุ์ เพราะว่ามันสามารถบานท่ามกลางสภาพอันเหน็บหนาว อีกทั้งยังคงความสดไว้ได้ยาวนาน มาใช้ประกอบพลอตให้เข้ากับ คาแรกเตอร์นางเอกของเรื่องชื่อว่า ทงแบค (동백) ซึ่งแปลว่า ดอกคาเมลเลีย ที่ชีวิตของเธอต้องฝ่าฟันกับความยากลำบากมากมาย
ซึ่งตัวดอกคาเมลเลียนั้นมีหลากหลายสีสันไม่ว่าจะเป็นสีขาว ชมพู แดง หรือชมพู โดยแต่ละสีนั้นมีความหมายที่แตกต่างกันไป ดอกคาเมลเลียสีขาว มีความหมายที่หลากหลาย อาจจะหมายถึงความบริสุทธิ์ ความรักระหว่างแม่กับลูก ก็ได้ ดอกคาเมลเลียสีชมพู หมายถึงความยาวนาน ดอกคาเมลเลียสีแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนา ดอกคาเมลเลียสีแดงชมพู หมายถึงความรักที่โรแมนติก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้รวมอยู่ในตัว ทงแบค ตัวละครหลักของเรื่องนี้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทงแบค (รับบทโดย กงฮโยจิน) เป็นผู้หญิงซื่อๆที่มีชีวิตค่อนข้างอาภัพ มีปมความรักเพราะแม่ทิ้งเธอไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่ 7 ขวบ เคยคาดหวังความรักจากแฟนหนุ่มและแม่แฟน แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจนต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องพึ่งพาตนเอง สู้กับอุปสรรคชีวิตโดยลำพัง ด้วยความสงบเสงี่ยมเจียมตัว พูดน้อย ไม่ต่อกรกับใคร รับมือด้วยการพยายามยิ้มสู้เสมอ และไม่คิดหวังเรื่องความรักอีกเลย
ด้วยว่าเธอเป็นคนจิตใจดีมาก หน้าตาสะสวย ขนาดไม่โสด ไม่แต่งเนื้อแต่งตัว ไม่ได้เริงร่าสดใส ยังมีเสน่ห์จับใจผู้ชายที่พบเห็น จนถูกขนานนามเป็นราชินีแห่งองซาน เธอเลือกมาลงหลักปักฐานเปิดร้านเหล้าที่เมืององซานตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว ตอนที่ลูกยังเล็ก ตั้งชื่อร้านว่า ‘คาเมลเลีย’ ร้านเหล้าเป็นสิ่งที่ดูตรงข้ามกับบุคลิกเธอ แต่ก็เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้เพื่อดำรงชีพ เธอทำเมนูผัดหมูได้ดี เหมาะไว้แกล้มเหล้า และเธอก็มองว่า ร้านเหล้าของเธอไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร ก็เพียงหวังให้เป็นที่พักใจ ช่วยคลายเครียดคลายเศร้าให้ผู้คนด้วยการดื่มกินเท่านั้น
ทงแบค จึงกลายเป็นผู้หญิงที่โดนความอคติเล่นงานเข้าให้ เพราะ ความเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว + ขายเหล้า + เสน่ห์เกินหน้าเกินตา ทำให้ถูกด่วนตัดสินว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดี น่ารังเกียจ โดยเฉพาะเหล่าผู้หญิงหัวเก่าและผู้หญิงที่สามีหรือญาติพี่น้องชอบแอบไปอุดหนุนร้านของทงแบค ชวนให้ขุ่นเคืองว่าไม่รู้จะติดเหล้าหรือไปหลงทงแบคกันแน่
ทงแบคมีผู้ช่วยพาร์ทไทม์แต่ก็ช่วยงานในร้านกันมานาน คือ ชเวฮยางมี (รับบทโดย ซนดัมบิ) มี พิลกู (รับบทโดย คิมคังฮุน) ลูกชายผู้ปกป้องแม่ แม้ว่าเขาจะเป็นแค่เด็กประถม แต่ก็มองว่าแม่ของเขาอ่อนแอ ไม่สู้คน เขาสิแข็งแรงและใจกล้ามากกว่าเยอะ นอกจากปกป้องแล้ว พิลกูก็หวงแม่มากด้วย พิลกูในวัยหนุ่มจะรับบทโดยจองการัม ซึ่งมาเป็นนักแสดงรับเชิญในท้ายเรื่องให้ด้วย
แม้ว่าทงแบคไม่เคยคิดจะรักใคร แต่ชีวิตเธอก็ต้องเจอเรื่องวุ่นวายจากผู้ชาย 3 คนที่เข้ามาวอแวในชีวิตของเธอ
ดงชิก (รับบทโดย คังฮานึล) ตำรวจบ้านนอกซื่อๆ เฉิ่มนิดเด๋อหน่อยแบบขำๆน่าเอ็นดู แต่ดงชิกฉลาดใช้ได้เลย เขาตกหลุมรักทงแบคตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และแสดงความรักออกนอกหน้าจนน่าหมั่นไส้ ประหนึ่งว่าโลกทั้งใบคือทงแบคคนเดียว ทงแบค คือ ‘ที่สุด’ ทุกอย่างของดงชิก ถึงขั้นว่าใครเอาอิมซูจอง (ดาราดัง) หรือ ไดอาน่า (เจ้าหญิงอังกฤษ) มาแลกก็ไม่ยอม หรือรถถังเกาหลีเหนือมาถล่ม ก็จะไม่ถอยจากการอยู่เคียงข้างปกป้องทงแบค เขาขยันตามตื๊อทงแบค อาศัยความเป็นตำรวจผู้มีหน้าที่ปกป้องประชาชนมาบังหน้าปฏิบัติการตามจีบ แต่ความเอาใจใส่และปากตรงกับใจของเขาก็มีพลังมากจริงๆ ชวนให้ปราการหัวใจทงแบคสั่นไหวได้ พร้อมๆกับความฮาซื่อใสของดงชิกที่มีมากมายชวนได้ใจผู้ชมไปเต็มๆ
ดงชิกเป็นลูกชายคนเล็กของ ควักท็อกซุน (รับบทโดย โกดูซิม) เจ้าของร้านปูดองดังของเมือง ซึ่งก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาก่อน ความสู้ชีวิตทำให้ท็อกซุนแกร่งมากจนเป็นผู้นำชุมชนโดยพฤตินัย เธอเป็นคนที่รักและยอมรับทงแบคได้ในฐานะเพื่อนสนิท แต่ไม่ใช่ว่าที่ลูกสะใภ้!
คังจงรยอล (รับบทโดย คิมจีซอก) นักกีฬาเบสบอลคนดัง ผู้มีชีวิตจอมปลอม ลวงโลกว่าชีวิตครอบครัวสวยงามน่าอิจฉา มีภรรยาที่รักคือ เจสสิก้า (รับบทโดย จีอีซู) เป็นเซเลปโลกโซเชียล มีลูกสาวน่ารักที่เขาเอาเข้าร่วมรายการ The Return of Superman (รายการดังโชว์ศักยภาพพ่อเลี้ยงลูก) ทั้งๆที่ชีวิตจริงเบื้องหลังระหองระแหงไม่มีความสุข นอกจากนั้น เมื่อได้รู้ว่า คังจงรยอลนี่แหละที่เป็นพ่อของพิลกู ยิ่งดูจะเป็นบทที่ปูทางให้เขาเป็นคนไม่ดียิ่งขึ้นไปอีก แต่เขาเองก็เพิ่งรู้ความจริงเรื่องนี้โดยบังเอิญที่มาถ่ายทำรายการที่เมืององซานนี้แหละ เมื่อติดตามเรื่องราวของการตื๊อทงแบคและตามพิลกู ก็คงมีความก้ำกึ่งดีและไม่ดีปนๆกันไป รวมทั้งบางมุมก็น่าสงสารเหมือนกันนะ
โนกยูแท (รับบทโดย โอจองเซ) เป็นช่างและเจ้าของร้านแว่นตา ที่มีภรรยาเป็นทนายความ ฮงจายอง (รับบทโดย ยอมฮเยรัน) เขาเป็นผู้ชายขี้โอ่ ขี้บลั๊ฟ อวดเบ่ง ‘ความมีค่า’ ของตัวเองไปทั่วเมือง ถึงขั้นจับจองเอาเองว่าเป็น ‘ว่าที่ผู้ว่าเมืององซาน’ เพราะยามอยู่บ้านถูกเมียคนเก่งข่มตลอดเวลา จึงต้องมาเรียกร้องความสนใจนอกบ้าน อยากให้ผู้คนนับหน้าถือตา เป็นคนสำคัญของชุมชน แต่พฤติกรรมของโนกยูแทก็มักชวนให้ได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม จนกลายเป็นคนที่ดูไม่มีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาทงแบค ขี้เหนียวแม้กระทั่งค่าถั่วทอด 8,000 วอน จนเป็นเรื่องเป็นราว บทของโนกยูแทหรือนายถั่วนี่แหละที่เป็นสีสันของเรื่องนี้ ทั้งฮา ทั้งกวนบาทา ทั้งน่าเวทนาในบางคราว
เรื่องราวความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครที่ชวนติดตามแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เพียงการลุ้นความพยายามของดงชิกว่าจะเปิดใจทงแบคได้ไหม ตลอดทางเราก็จะได้เห็นความสัมพันธ์ต่างๆมากมายที่สนุกน่าติดตาม ทิ้งแง่คิดไว้ให้อย่างชวนประทับใจ เช่น โนกยูแทกับฮงจายอง คังจงรยอลกับพิลกู ดงชิกกับพิลกู ทงแบคกับแม่ ทงแบคกับพาร์ทไทม์ฮยางมี ทงแบคกับป้าท็อกซุน ทงแบคกับแก๊งค์ป้าขี้เมาท์ข้างร้านที่อคติกับเธอ โนกยูแทกับฮยางมี คังจงรยอลกับเจสสิก้า และอีกหลายๆคู่ที่ต่างก็มีเรื่องราวน่าสนใจ ล้วนได้ทั้งสาระและความสนุก
นอกจากนี้คาแรคเตอร์ของแต่ละคนก็มีมิติ มีเสน่ห์ ซึ่งแบ่งเกลี่ยบทกันไปอย่างเหมาะสม เสริมด้วยบทบรรยายและบทสนทนาที่เป็นสวยงามและคมคายมาก สื่อความหมายแบบย่อยง่าย ทั้งบทบรรยายที่มักมีการส่งบทต่อบทข้ามตัวละคร บทสนทนาโต้ตอบอย่างโดนใจ บทสนทนาที่ไม่ได้เชยไปตามท้องเรื่องบ้านๆเลย
และประเด็นที่เพิ่มเติมความน่าดูในเรื่องนี้อีกอย่าง คือ การสร้าง ‘ปมปริศนาฆาตกรรม’ ที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ โยงเกี่ยวข้องกับทงแบค ให้ผู้ชมต้องลุ้นเรื่องราวที่มาที่ไป และลุ้นชีวิตรอดปลอดภัยของทงแบค โดยให้ดงชิกได้แสดงความฮีโร่ เป็นตำรวจที่ขมักเขม้นสืบสวนคดีฆาตกรรมนี้ซึ่งมีฉายาเรียกกันว่า ‘นักฆ่าตัวตลก’ เพราะเขามักทิ้งคำขู่ปริศนาไว้ว่า ‘อย่าทำเป็นตัวตลก’ เขาเป็นใคร ฆ่าทำไม เหยื่อล่าสุดเป็นใคร ใช่ทงแบคจริงหรือ ค่อยๆตามไป ใครชอบการเดาฆาตกรก็อาจพอเดาได้บ้างในช่วงท้ายๆเรื่อง แต่เรื่องนี้ไม่ได้ฮาร์ดคอร์ฆาตกรรมจ๋า ดีกรีความระทึกเป็นแบบพอหอมปากหอมคอ แต่ลีลาก็ไม่ธรรมดาหรอกนะ
ประเด็นความอคติที่จั่วหัวมาแต่ต้นของเรื่องนี้ ถูกถ่ายทอดผ่านหลายๆตัวละคร นอกเหนือจากทงแบคซึ่งเป็นตัวหลักแล้วก็ยังมี ฮยางมี ที่ถูกมองเป็นผู้หญิงโลว์ๆ เห็นแก่ได้ จิ๊กของเล็กของน้อยตลอดเวลา ดูหน้าไม่อาย ส่อแววไม่ดี จริงๆแล้วชีวิตเธอก็มีที่มา ให้ตามดูกันไป ทำไมเธอถึงอยากได้เงิน 100 ล้านวอนเพื่อไปต่างประเทศ หรือโนกยูแท ที่อวดเบ่งจนป่วนไปหมดทั้งชีวิตตัวเองและคนอื่น ก็มีที่มาที่ไปน่าติดตามเช่นกัน
ทงแบค คือดอกคาเมลเลียที่มีคุณค่าสมกับความหมายที่สื่อไว้ แต่ถูกความอคติบดบัง เมื่อใครได้สัมผัสใกล้ชิด และใช้เวลากับเธอมากขึ้น ก็จะเห็นดอกไม้ที่เบ่งบานในใจเธอ ส่งพลังสลายความอคติ ให้ผู้คนรอบข้างได้สัมผัสความงดงาม และพลอยทำให้หัวใจพวกเขาได้เบ่งบานความงดงามของตัวเองออกมา ตามไปกับเธอด้วย คือความฟิลกู้ดของพลอตเรื่องนี้ ที่ผู้ชมจะได้หัวใจพองโตตามไปด้วยเช่นกัน จนอยากเอ่ยคำ ‘ขอบคุณ’ ให้กับทงแบคด้วยจัง หวังใจว่าอย่างน้อยละครเรื่องนี้จะเป็นกำลังใจให้เราๆทุกคนเป็นคนดี ใช้ชีวิตดีๆกันค่ะ
ชวนตามรอย
สำหรับเรื่องเมืององซาน ที่อ้างอิงในเรื่องว่าอยู่ในจังหวัดชุงชองใต้นั้น สายนักเที่ยวหลายคนคงอยากไปตามรอยซีรีส์ท่องเที่ยวบ้าง เพราะดูเป็นเมืองน่ารักน่าอยู่ มีกลิ่นอายของชุมชนแบบบ้านๆที่สะท้อนวัฒนธรรม แถมมีวิวทะเลสวยงามอีกต่างหาก ผู้เขียนคิดว่าอาจไม่ได้มีชื่อเมืององซานจริง เพราะค้นหาไม่เจอ แต่โลเคชั่นที่ใช้ถ่ายทำเรื่องนี้มีอยู่จริงที่เมืองโพฮัง ในจังหวัดคยองซังเหนือ ชุมชนที่เป็นซอยร้านเหล้าคาเมลเลีย ร้านปูดอง ร้านต็อก ร้านผักนั้น คือ Guryongpo Modern Culture and History ซึ่งเคยเป็นชุมชนที่อาศัยของชาวญี่ปุ่นตอนเข้ามายึดครองเกาหลีในอดีต เข้าใจเองว่าน่าจะมีการบูรณะใหม่ให้เป็นจุดท่องเที่ยว จึงทำให้เมื่ออยู่ในละครจะดูแปลกตาคล้ายๆฉากสร้าง และวิวทะเลก็คงจะเป็นชายหาดกูรีอองโพที่อยู่ในละแวกนั้นเองแหละ ใครไปเที่ยวพูซานอาจแวะไปเที่ยวได้ง่ายกว่าไปจากโซล เพราะใช้เวลาเดินทางข้ามเมืองสัก 2-3 ชั่วโมงเองค่ะ~
ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries