Student A เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเว็บตูนเรื่อง Yeojoongsaeng A ซึ่งเผยแพร่ในช่วงต้นปี 2015 จนถึงกลางปี 2017 มีเนื้อหาสร้างสรรค์แนวก้าวพ้นวัย (Coming-of-Age) สะท้อนปัญหาหลากหลายรอบตัวของวัยรุ่นยุคนี้ และการคลี่คลายหาทางออกได้ ที่จะทำให้ตัวละครได้ก้าวข้ามความยากลำบาก เติบโตทางความคิด และสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีสติและเข้มแข็งขึ้น น้ำดีค่ะ
พื้นที่ความสุขเดียวของจางมีแร คือมุมสงบเล็กๆในห้องสมุด ช่วยจัดการดูแลหนังสือบ้าง ส่วนพื้นที่เล็กๆในใจที่ช่วยให้จางมีแรได้ปลดปล่อยพลังจินตนาการของวัยรุ่น ในขณะเดียวกันก็ได้เติมพลังชีวิตให้ตัวเองด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอยังพอมองเห็นคุณค่าในตัวเองที่มีบ้าง ก็คือ การเขียนนิยาย และ เล่นเกมอาร์พีจี (RPG คือ Role-Playing Game หมายถึง เกมออนไลน์ที่ผู้เล่นสมมติรับบทเป็นตัวละครหนึ่งในเกม เล่นตามกฎกติกา ซึ่งอาจจะมีผู้เล่นสมมติอื่นๆมาร่วมเล่นด้วยกันได้ เรียกว่าเป็น MMORPG หรือ Massive Multiplayer Online Role-Playing Game) เป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องพึ่งใคร หรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครซึ่งๆหน้า อันหนึ่งระบายความรู้สึกลึกๆในใจออกมาได้ อีกอันหนึ่งอุปโลกน์ตัวตนเป็น somebody ชดเชยความ nobody บนโลกจริงได้
เมื่องานเขียนของจางมีแรได้คะแนนคำชมจากครู จึงดึงดูดให้เพื่อนสาวป๊อบในห้อง อีแบคฮับ (รับบทโดย จองดาบิน) หันมาสนใจเธอ คบกับเธอแบบไม่แคร์ใคร พร้อมๆกับที่เพื่อนชายซึ่งเธอแอบมีใจให้ ก็แสดงการตอบรับความสัมพันธ์ที่ดี จึงกลายเป็นโลกใหม่ที่สดใสสองเด้ง
แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่า อีแบคฮับหักหลัง เอางานของเธอไปส่งประกวดในนามของตัวเอง เพื่อนชายก็ดันเลือกเป็นแฟนกับอีแบคฮับ พลิกผันเป็นความ sick จัดสองเด้ง ยังไม่นับความทุกข์ที่บ้านอีก ความคิดเรื่องอยากตายจึงเริ่มผุดขึ้นมาในใจ
ในวันที่เธอเศร้ากังวล แมสคอต free hugs ที่คอยแจกกอดฟรีๆให้กับผู้คนในสวนสาธารณะ เพื่อนใหม่คนเดียวของเธอในเวลานั้น ที่แม้จะไม่ได้เห็นหน้าค่าตาจริง หรือพูดคุยกับเธอได้จริงจัง แต่ก็มีวิธีคอยให้กำลังใจเธอเสมอ
และในวันที่เธอคิดจะมาลาตายกับเพื่อนคนนี้ ก็ได้พบว่า แมสคอตนั้น ก็คือ แจฮี (รับบทโดย ซูโฮ) หรือซีนะ เพื่อนตัวละครในเกมที่เล่นออนไลน์ด้วยกันมานั่นเอง แต่ทว่า ชีวิตของเขาก็มีความทุกข์จากปัญหาเพื่อน และคิดอยากตายเช่นกัน!
ทั้งคู่จะช่วยกันผ่านพ้นความยากลำบากจากปัญหาชีวิตวัยรุ่นไปกันอย่างไร ต้องไปติดตามดูกัน
หนังออกจะเดินเรื่องแบบเรียบๆ ค่อยเป็นค่อยไป ปัญหาชีวิตที่หยิบมาเป็นพลอตอาจจะเป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่ และไม่ได้วางบทขยี้อารมณ์รุนแรงแต่อย่างใดนัก อย่างไรก็ตาม หนังก็ดูไม่แบนราบเรียบเกินไปเพราะมีกิมมิคการใช้สัญลักษณ์และการอุปมาอุปไมยมาสร้างมิติการเล่าเรื่องให้มีสีสันมากขึ้น แค่ต้องดูแบบคิดตามเยอะๆหน่อย นั่นคือการหยิบเอานิยายและเกมมาเล่าซ้อนความเชิงเปรียบเปรย นิยายที่เธอแต่ง ก็คือเรื่องราวของตัวเธอทั้งมุมที่เป็นความจริงและจินตนาการที่โลดแล่นไปตามความฝัน การเล่นละครกันเองของมิแรและแจฮีตามบทงานเขียนของมิแร และแอบมีนอกบทบ้าง ก็เป็นจินตนาการที่เยียวยาใจ เกมที่เธอเล่นก็ถูกนำมาใช้ล้อสื่อความหมายที่ซีนะมาปกป้องชีวิตเธอ หรือแม้แต่การฉกเอาแจกันสุดหวงของครูไป (ในรูปบน) ก็มีนัยแฝงอยู่เช่นกัน เป็นต้น
สาระที่ดีในหนังก็มีเยอะอยู่ ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นผู้สูงวัย จึงมองเห็นเป็นมุมการเข้าใจเด็กวัยรุ่นมากขึ้น ในมุมของผู้ชมที่เป็นเยาวชน ก็คงได้ข้อคิดการอยู่ร่วมกับเพื่อน การรู้จักให้อภัย การคิดบวก ความไม่ท้อถอย การหาทางออกของชีวิต หวังใจว่าถ้าหยิบไปปรับใช้ได้ ก็จะช่วยให้ใครก็ตามที่มีปัญหาเดียวกันสามารถก้าวผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเช่นเดียวกับมีแรและแจฮีนะคะ
ส่วนใครที่ตั้งใจมาดูซูโฮ เห็นโปสเตอร์และเรื่องย่อแล้วเกิดอาการหวั่นๆว่าจะได้เห็นแต่หน้าแมสคอตรึป่าวน๊า ก็ขอบอกว่า ได้เห็นหน้าแน่นอนจ้า แม้ว่าแอร์ไทม์ไม่เยอะนัก แต่ก็เต็มที่นะ
Trailer :