ท่ามกลางควันมืดมิดสลับเปลวเพลิงร้อนแรง ดุจขุมนรกอยู่เบื้องหน้า
ต้องอาศัยความกล้าหาญ ความเสียสละ ความเป็นมืออาชีพในทุกนาทีวิกฤติ
พลังกายและพลังใจที่ไม่เคยย่อท้อ ขอช่วยชีวิตให้ได้เพิ่มอีกสักคน…อีกสักคน…
นี่คือ อาชีพนักผจญเพลิงที่เราทุกคนขอน้อมคารวะจากใจจริง
Firefighters เป็นผลงานเขียนบทและกำกับโดย ควักคยองแทก ซึ่งดังมาจากเรื่อง Friend, Our Legend (2009) และ The Battle of Jangsari (2019) บทเรื่องนี้อิงจากเหตุเพลิงไหม้จริงที่ฮงเจดงในโซล ปี 2001 ซึ่งส่งผลชัดเจนต่อการตื่นตัวของสังคมหลังจากนั้น และการพัฒนาคุณภาพงานดับเพลิงของเกาหลีในเวลาต่อมา
Firefighters พิชิตยอดตั๋วถึง 3.8 ล้านใบ และผ่านจุดคุ้มทุนไปได้ ทั้งๆที่เผชิญอุปสรรคไม่น้อยเลยกว่าจะได้ออกฉาย ตั้งแต่เรื่องโควิด-19 ตามมาด้วยคดีเมาแล้วขับของควักโดวอน จึงเลื่อนฉายมาเรื่อยๆจากปี 2020 จนถึงปี 2024 และคืนก่อนวันหนังออกฉายก็ยังเจอกับการประกาศกฏอัยการศึกที่นำไปสู่การเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับน้องของผู้กำกับซึ่งเป็นสส.อยู่ ถึงขั้นมีกระแสการบอยคอตหนัง
หนังจะเล่าถึงความเป็นไปของทีมนักดับเพลิงของสถานีดับเพลิงโซลฝั่งตะวันตก (ปัจจุบันคือสถานีดับเพลิงอึนพยอง) ที่เสี่ยงชีวิตกลางเปลวเพลิงร้อนแรงและควันไฟมืดมิด เพื่อช่วยชีวิตผู้คนให้ได้มากที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ยังไม่ได้คุณภาพดีพอ ท่ามกลางแรงกดดันของเวลาที่จำกัดและภัยสุ่มเสี่ยงถึงชีวิต แต่พวกเขายังคงร่วมต่อสู้เป็นทีมที่อุทิศตนอย่างห้าวหาญ ซึ่งจะเป็นโจทย์หลักของหนังเรื่องนี้ที่ต้องการยกย่องเชิดชูความเสียสละของนักผจญเพลิง นอกจากนี้ ในมุมของการเป็นหนังเพื่อความบันเทิง ก็มีการดัดแปลงหรือเสริมเติมเรื่องราวเข้าไปจากเหตุการณ์จริงบ้าง โดยมีตัวละครหลัก ดังนี้
ชเวชอลอุง (รับบทโดย จูวอน) นักดับเพลิงน้องใหม่ เพิ่งเรียนจบเอกกีฬา การต้องออกปฏิบัติงานแบบไม่ทันต้งตัวในวันแรก ทำให้เงอะงะ ตระหนก จนทำผิดพลาด ด้วยว่ายังไม่รู้จักอุปกรณ์ ไม่มีความรู้ในงานเลย คำสอนแรกที่ได้รับคือ ต่อให้บาดเจ็บถูกทิ่มแทงหรือไฟไหม้แผ่นหลัง ก็ต้องคุมสติคุมแรงให้อยู่กับการปฏิบัติหน้าที่
จองจินซอบ (รับบทโดย ควักโดวอน) หัวหน้าทีมทำงานผู้มากประสบการณ์ สั่งสมทักษะเป็นอันดับหนึ่งในการกู้ภัย 5 ปีซ้อน เขายึดมั่นเหนียวแน่นในหน้าที่ช่วยชีวิตผู้คน ภรรยาของเขาคือ โดซอน (รับบทโดย จางยองนัม) และมีลูกชาย 1 คน
คังอินกี (รับบทโดย ยูแจมยอง) เป็นหัวหน้าสั่งการของสถานี ที่ใส่ใจในสวัสดิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างจริงใจ แม้ว่าบ่อยครั้งที่จองจินซอบก็ไม่เชื่อฟังเขา เพราะดึงดันจะต้องทำงานตรงหน้าให้ได้ถึงที่สุดเท่านั้น
ชินยงแท (รับบทโดย คิมมินแจ) อันฮโยจง (รับบทโดย โอแทฮวาน) และ ซงกีชอล (รับบทโดย อีจุนฮยอก) เป็นนักดับเพลิงในทีมที่แข็งขันน้ำหนึ่งใจเดียว ชอลอุงสนิทกับยงแทมากเป็นพิเศษ กีชอลกำลังจะแต่งงานกับน้องสาวของฮโยจง ส่วน ซอฮี (รับบทโดย อียูยอง) ทำหน้าที่แพทย์กู้ภัยในทีมนี้
และที่ร้านอาหารขาประจำของทีมงานซึ่งเป็นต้นเพลิงของเรื่อง มีเจ้าของร้านคือป้าซุนจา ที่มีลูกชายไม่เอาถ่านคือ ซอคยองโฮ ผู้เป็นต้นตอของปัญหา
โดยรวมของหนัง ได้กลิ่นอายของพีเรียด และเดินเรื่องไปในโทนคล้ายหนังสารคดี คือไม่หวือหวาหรือประดิษฐ์ฉากอะไรนักแม้กระทั่งฉากผจญเพลิงก็ดูเป็นธรรมชาติ เพราะส่วนใหญ่เป็นการจุดไฟถ่ายจริงๆ OMG! จะใช้ซีจีบ้างก็เพียงเล็กน้อย ความเป็นธรรมชาติถึงขนาดที่ว่า เวลาตัวละครพูดกันในระหว่างนั้น เสียงก็ยังฟังไม่ชัดเต็มที่ เพราะบรรยากาศและหน้ากากที่สวมปิดกั้น บดบังรูปปาก ยากที่จะรู้ว่าใครเป็นคนพูด ต้องอาศัยสกิลเทพในการจำเสียงนักแสดง ซึ่งก็ยากอีกเพราะเสียงตะโกนก็เพี้ยนไปได้อีก
ด้านของเรื่องราว ก็เน้นไปกับการทำงานเนื้อแท้ของคนอาชีพนี้ มิใช่การชูความเป็นฮีโร่จ๋า เนื้อหาก็อาจพอเดาได้ตามข้อมูลเหตุการณ์จริง และตามสูตรสำเร็จของหนังดราม่า ได้แก่ การสร้างปมพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างชอลอุงกับหัวหน้าจินซอบ การค่อยๆเข้าใจและการเติบโตของชอลอุง การเรียกร้องความสนับสนุนจากภาครัฐนักการมือง การดิ้นรนช่วยเหลือตนเองอย่างไม่ท้อ เพื่อให้สามารถไปช่วยชีวิตผู้คนได้ เช่นหัวหน้าคังที่ควักกระเป๋า (เมีย!) ซื้อถุงมือกันไฟอย่างดีแจกลูกน้อง หรือฮโยจงที่เสนอให้กีชอลย้ายไปทำงานนั่งโต๊ะแทน เผื่อไว้สำหรับการรักษาสมาชิกครอบครัวและทำเพื่อน้องสาว รวมไปถึงการเผชิญอันตรายไม่คาดคิดที่พวกเขาต่างทำใจล่วงหน้าอยู่แล้วว่ามันอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา กระนั้น ก็ยังทำให้เราผู้ชมถึงขั้นกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ดังประโยคเด็ดของหัวหน้าจินซอบที่เปรียบเทียบอาชีพนักดับเพลิงกับทหารว่า ‘แต่ละวันของทหารคือการฝึก แต่ทุกวันของนักดับเพลิงคือการประจัญบาน’
จูวอนและควักโดวอนเป็นนักแสดงหลักที่ได้แอร์ไทม์ในการสื่ออารมณ์ชัดเจนกว่าคนอื่นๆ จูวอนเป็นแคสที่มาแทนที่ยูซึงโฮซึ่งคิวงานไม่ลงตัว ก็เรียกว่าเข้าทางจูวอนได้พอดีเลย ส่วนควักโดวอน ผู้กำกับก็ย้ำว่าไม่สามารถตัดทอนบทของเขาออกแม้จะเข้าใจสถานการณ์ดี ในเมื่อนี่คืองานทีม เช่นเดียวกับอาชีพนักดับเพลิง พวกเขาเข้าบทด้วยกัน ก็ต้องขอรักษานักแสดงทุกคนไปด้วยกันทั้งเรื่อง
มองในมุมบันเทิง หนังเรื่องนี้อาจไม่บรรลุจุดนั้น แต่เชื่อว่าพลังของหนังที่ส่งให้สังคมตระหนักมากขึ้น และคาดหวังว่าสิ่งที่ทุกคนช่วยได้ไม่ยาก คือจิตสำนึกการไม่จอดรถกีดขวางในถนนซอกซอยเล็กๆ เพื่อให้รถดับเพลิงเข้าถึงที่เกิดเหตุได้เร็วสุด ทำงานได้เต็มที่ ในไทยเอง ผู้เขียนก็เคยเห็นเรื่องทำนองเดียวกันบ่อย คือเวลารถฉุกเฉินขอทางบนถนน ก็ยังมีรถส่วนตัวอีกมากที่ไม่ใส่ใจหลบรถให้ น่าโมโหและเศร้าใจจัง
ปิดท้ายด้วยกิจกรรมที่น่าชื่นชมอีกอย่างของหนังเรื่องนี้คือ การทำแคมเพญบริจาค ทุกๆตั๋วหนึ่งใบ จะบริจาค 119 วอน เพื่อนำไปสมทบกองทุนก่อสร้างโรงพยาบาลดับเพลิงแห่งชาติ ดีงามมากค่ะ
Trailer :