ศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนยุติสงครามอิมจินที่ยืดเยื้อ ณ ช่องแคบโนรยาง
จารึกยุทธนาวีอันเกรียงไกรของแม่ทัพอีซุนชินไว้ในใจคนทั้งชาติ
Noryang : Deadly Sea เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ในชุดไตรภาคที่ถ่ายทอดเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามอิมจินซึ่งญี่ปุ่นรุกรานเกาหลี และวีรกรรมยุทธนาวีของผู้บัญชาการ ‘อีซุนชิน’ ในฐานะขุนพลคนสำคัญในการปกป้องประเทศ ซึ่งกินเวลายาวนานถึง 7 ปี (ปี 1592-1598) โดยภาพยนตร์ได้หยิบเอาเหตุการณ์สู้ศึกสำคัญ 3 ช่วงมาสร้างเป็น 3 เรื่อง คือ The Admiral: Roaring Currents (2014), Hansan : Rising Dragon (2022) และ Noryang : Deadly Sea (2023) แต่ถ้าเรียงตามลำดับเหตุการณ์จริงก็จะเป็นเรื่องที่ 2-1-3 เป็นหนังชุดที่สนุก ใครที่ชื่นชอบงานแนวนี้คงไม่พลาดสองเรื่องแรก และมาต่อการปิดฉากเรื่องนี้กัน งั้นก็จะขอละการท้าวความอธิบายเหตุการณ์ก่อนหน้า ถ้าใครที่ยังไม่ได้ชมก็หาชมย้อนหลังหรืออ่านจากรีวิวก่อนหน้านี้ได้ค่ะ
ในช่วงปีสุดท้ายของสงครามอิมจิน เมื่อไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่ผู้เริ่มต้นก่อศึกมหากาพย์ โทโมโทมิ ฮิเดชิ (รับบทโดย พัคยงอู) สิ้นชีพ โดยวาระสุดท้ายได้คิดปล่อยวางแรงปรารถนาอำนาจ สั่งเสียให้ถอนกำลังทหารจากโชซอน
ในขณะที่ก่อนหน้านั้น แม่ทัพโคนิชิ ยูกินากะ (รับบทโดย อีมูแซง) ที่ถอยร่นทัพมายึดป้อมเยกโยสร้างปราสาทและฐานทัพที่ริมชายฝั่งทางใต้ ก็คิดอยากถอนกำลังกลับบ้านตามสั่งเช่นกัน แต่จนด้วยว่าตอนนี้ตกอยู่ในวงล้อมของพันธมิตรกองเรือของโชซอนภายใต้การนำของ ผบ.อีซุนชิน (รับบทโดย คิมยุนซอก) และของจีนหมิง ภายใต้การนำของ ผบ.เฉินหลิน (รับบทโดย จองแจยอง) หนำซ้ำเสบียงใกล้หมดฐาน นายเรือคนสนิท อารีมะ ฮารูโนบุ (รับบทโดย อีคยูฮยอง) จึงออกอุบายหาทางรอดด้วยสองทาง ทางหนึ่งไปเจรจาขอให้เฉินหลินช่วยเปิดทางให้หนี โดยทำทีปะทะศึกหลอกๆ รับรองความปลอดภัยให้ ส่วนอีกทางคือไปพึ่งบารมีของ ชิมาสุ โยชิฮิโระ (รับบทโดย แบคยุนชิก) แม่ทัพใหญ่ที่มีกองเรือแข็งแกร่งที่อยู่ห่างออกไป และมีผู้ช่วย โมริอัตสึ (รับบทโดย พัคมยองฮุน) ให้ยกกำลังเข้ามาประจัญบาน เพื่อมีช่องทางให้กองเรือโคนิชิออกจากฐานได้ หลังความพยายามอย่างไม่ย่อท้อของอารีมะ กระตุกถูกจุดว่าเป็นการสร้างผลงานใหญ่จัดการกองกำลังของอีซุนชินก่อนกลับบ้าน ก็บังเกิดผล
ข้างฝ่าย ผบ.อีซุนชิน ซึ่งกรำศึกมายาวนาน ร่างกายก็โรย จิตใจก็บอบช้ำ ทั้งการสูญเสียไพร่พลทหารมากฝีมือผู้รักชาติ และยังลูกชายคนเล็ก อีมยอน (รับบทโดย ยอจินกู) ถูกทหารญี่ปุ่นรุมสังหารอีก แต่กระนั้น เขาก็ยังมีปณิธานยืนหยัดในตอนที่ยังมีกำลังปฏิบัติหน้าที่ว่าต้องยุติการรุกรานของญี่ปุ่นให้สิ้นซาก ณ ที่นี้ให้ได้ มิฉะนั้นศัตรูอาจย้อนกลับมาอีกเช่นที่ผ่านมา
ในตอนแรกที่เฉินหลินหวังหว่านล้อมอีซุนชินให้ยอมปล่อยโคนิชิไป ไหนๆโทโมโทมิ ฮิเดชิ ก็สั่งถอนกำลังแล้ว ซึ่งหมิงก็คงมองในแง่ไม่อยากเสียบุคลกรและเปลืองทรัพยากรไปมากกว่านี้ด้วย บวกกับเชื่อใจโคนิชิที่ติดสินบนให้นู่นนี่ แต่อีซุนชินก็ยังแน่วแน่ถึงขั้นยื่นคำขาดตัดความเป็นพันธมิตร นั่นหมายความถึงการขัดพระราชโองการกษัตริย์หมิง ในขณะที่ เติ้งจี่หลง (รับบทโดย ฮอจุนโฮ) รองแม่ทัพคนสนิทของเฉินหลินก็สนับสนุนเจตนารมณ์ของอีซุนชิน รวมถึงเหตุการณ์ซื้อใจในภายหลังที่อีซุนชินได้ช่วยชีวิตเฉินหลินไว้ได้ด้วย
เมื่อกองเรือของแม่ทัพชิมาสุยกกำลังเข้ามาในน่านน้ำตามแผนเพื่อให้โคนิชิได้หนีกลับประเทศด้วยกัน จึงกลายเป็นยุทธนาวีครั้งใหญ่และเป็นครั้งสุดท้าย ที่อีซุนชินทุ่มสรรพกำลัง วางแผนยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบ และประจัญบานแบบหวังปิดเกมรบให้ราบคาบ จึงเป็นฉากแอ็คชันที่สนุกตื่นตาตื่นใจ ฮึกเหิมเชียร์ตาม เป็นงานที่จะหาดูได้ยากสำหรับการสู้รบของทหารเรือในยุคโบราณ ภาคนี้งานซีจีดูจะเนี๊ยบขึ้น แม้ว่าทุนสร้างดูเหมือนจะเท่าเรื่องก่อนหน้า แต่เข้าใจว่าขอบเขตงานถูกโฟกัสไปที่โปรดัคชันของฉากสู้รบที่แสดงแสนยานุภาพและสร้างความอลังการตื่นตาตื่นใจเป็นหลักมากกว่าเรื่องอื่นๆ ฉายภาพการรบจัดเต็มทั้งการยิงระยะไกลจากเรือรบไปจนการปะทะดาบประชิดตัว ห้ำหั่นประจัญบานกันแบบดูเต็มอิ่ม
และที่เป็นอีกไฮไลต์ของเรื่องราว ก็เป็นไปตามประวัติศาสตร์แหละว่า แม้ว่าแม่ทัพอีซุนชินจะรบชนะ แต่การสูญเสียครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น เป็นโมเมนต์สำคัญที่สุดสะเทือนใจ
หนังจะเน้นการเล่าเรื่องเพื่อเชิดชูเกียรติภูมิของท่านอีซุนชินในฐานะที่เป็นแม่ทัพมากความสามารถในกลศึก เอาชนะใจผู้ร่วมรบ เอาชนะกองกำลังข้าศึกที่ใหญ่โตกว่าได้ สร้างวิทยาการของเรือเต่าที่ฉลาดล้ำน่าเกรงขาม และที่สำคัญคือเป็นผู้นำที่อาจหาญ เสียสละอย่างน่ายกย่องยิ่ง แน่นอนว่า คิมยุนซอก ที่มารับบทเป็นอีซุนชินในภาคนี้ ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างมีพลังน่าทึ่งมากจริงๆ
ในส่วนของนักแสดงอื่นๆ ก็คับคั่งเช่นเคย ไม่ว่าจะ คิมซองกยู ที่รับบทเป็นจุนซาต่อเนื่องมาจากภาคสอง พัคฮุน ชเวด็อกมุน อันโบฮยอน (มาเล่นแทนควอนยูล) อีเจฮุน และมุนจองฮี อยู่ในฝั่งของโชซอน รวมถึงฉากท้าวความถึงซีนของ คิมแจยอง อันซองกี กงมยอง ในฐานะนายทหารสำคัญที่พลีชีพรักชาติไป ก็มาผ่านตาแว้บๆ ก็คงยังมีผู้ชมอีกเยอะที่ไม่คุ้นความหนวดเคราใต้หมวกเกราะ ทำให้เห็นหน้านักแสดงไม่ชัด หลายๆคนจึงอาจถูกผ่านตาไปโดยไม่ทันสังเกตก็เป็นได้
ส่วนตัวแล้ว ก็ยังคงขัดใจขัดหูกับสำเนียงต่างชาติ ญี่ปุ่น จีน จากนักแสดงเกาหลี ฟังยังไงก็ไม่เหมือน เลยทำให้เสียอรรถรสไปบ้าง และยังทำเสียสมาธิในการอ่านซับไปด้วยในบางครั้ง แต่โดยภาพรวมก็ดูสนุกดีค่ะ ที่เกาหลีก็ได้รับการตอบรับจากผู้ชมหลักหลายล้านอยู่นะ
รับชมซับไทยได้ที VIU
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน