‘บยอนโยฮัน’ ในบทของตัวแทนอสังหาฯผู้น่าเชื่อถือ
‘ชินฮเยซอน’ ในบทของอินฟลูเอนเซอร์ภาพลักษณ์ดีมีชื่อเสียง
มาพัวพันกันในเรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อนแฝงความจิตของมนุษย์ที่คาดไม่ถึงและชวนติดตาม
Following หรือชื่อแรกเริ่มตามคำแปลจากชื่อภาษาเกาหลีคือ She Died ตรงไปตรงมากับเรื่องราวที่ว่าด้วยตัวเอกของเรื่องพบคาตาว่าผู้หญิงที่เขาติดตามดูอยู่นั้นเกิดตายปริศนา เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับหญิงที่ค่อนข้างใหม่ในวงการ จับงานกำกับครั้งแรกด้วยสเกลทุนสร้างเล็กๆ แต่ผลตอบรับดีใช้ได้เลย มีผู้ชมมากกว่าล้านคน และยังสามารถผ่านจุดคุ้มทุนได้ด้วย ซึ่งก็คงเป็นผลมาจากความบันเทิงเพลินๆของตัวหนังเองใน genre ปริศนาระทึกขวัญจิตๆ และนักแสดงนำที่ดึงดูดความสนใจได้
กูจองแท (รับบทโดย บยอนโยฮัน) เป็นตัวแทนของสำนักงานอสังหาริมทรัพย์เล็กๆชื่อว่า Hanbit เขามีหน้าตาดี ดูเรียบเนี๊ยบ นิสัยใส่ใจรายละเอียดเป๊ะๆ รักงาน มีจิตบริการ มีความน่าเชื่อถือ เขายังใช้เวลาว่างทำตัวเป็นกูรูให้ข้อมูลคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องอสังหาฯในชุมชนออนไลน์ผ่านนามแฝงว่า ‘พ่อของมด’ ได้รับความนิยมพอตัว สร้างความภาคภูมิใจยิ่ง สำหรับเขาผู้ให้ค่า ‘ความนิยมมหาชน’ ที่ไม่เป็นรองเงินทอง
ทว่า พลิกอีกด้าน ดูตัวตนด้านที่ซ่อนเร้นไว้คือ นิสัยสอดรู้สอดเห็นเกินธรรมดา ตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นชอบแอบมองจอโทรศัพท์ของคนนั่งข้างๆบรถเมล์ ไปถึงเรื่องน่าตกใจ คือแอบเข้าบ้านของลูกค้าที้เชื่อใจฝากกุญแจไว้ที่สำนักงาน เพื่อเข้าไปสำรวจชีวิตความเป็นอยู่ โดยหยิบฉวยเอาของที่ระลึกสักชิ้นติดตัวกลับไปด้วย เป็นของที่หายไปเจ้าของก็ไม่รู้ หรือไม่ได้มีค่าอะไรให้ใส่ใจ เช่นหลอดครีมที่ใกล้หมด
เขาจึงเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลย มีโอกาสลักขโมยของมีค่า แต่ก็ไม่ได้ทำนะ จึงเรียกว่าเป็นคนดี แถมยังช่วยดูแลซ่อมแซมสัพเพเหระที่พังให้ฟรีๆด้วย เช่น ไฟดับ ท่อน้ำตัน สมกับเป็นตัวแทนที่มีจิตบริการแท้จริง
ของที่ระลึกเหล่านั้น ถูกนำไปจัดทำเป็นงานศิลปะสะสมเต็มข้างฝาในสตูดิโอลับของเขา ประหนึ่งเป็นอนุสรณ์ความสำเร็จ และความภาคภูมิที่ได้อยู่เหนือกว่าผู้คนอื่นๆ เป็นผู้เฝ้ามองโดยเขาเหล่านั้นไม่รู้ตัว เหมือนกับที่เขานำรังมดขนาดใหญ่มาเป็นประติมากรรมผนัง (ที่มาของนามแฝง พ่อของมด) เป็นการเฝ้าจับตาดูมันเหมือนตัวเองเป็นพระเจ้า เข้าขั้นจิตอยู่นะเนี่ย!
วันหนึ่งเขาได้บังเอิญแอบส่องมือถือของหญิงสาวผู้หนึ่งที่ร้านสะดวกซื้อ พบว่าเธอกินไส้กรอกแต่กลับโพสต์ภาพว่าตัวเองกำลังจะกินสลัดผักเฮลท์ตี้ไฮโซ มีแววเป็นคนสร้างภาพลวงโลกแน่ จึงถูกใจให้เขาติดตามสืบส่อง จนพบข้อมูลในสื่อโซเชียลว่าเธอคือ ฮันโซรา (รับบทโดย ชินฮเยซอน) อินฟลูเอนเซอร์คนดัง ผู้มีจิตใจดีชอบช่วยเหลือสัตว์ จนได้รับเงินบริจาคเสมอ แถมเธอเป็นคนที่ดูดี มีเทสต์ เป็นที่นิยมชมชอบมาก
แม้ว่ากูจองแทจะพยายามลักลอบเข้าบ้านเธอ แต่ก็ไม่สำเร็จสักที และแล้ววันหนึ่งเหมือนฟ้าเป็นใจ เธอเดินเข้ามาหาเองที่สำนักงาน เพื่อปล่อยบ้านที่พักอาศัยอยู่ จึงทิ้งกุญแจไว้ให้ด้วย ทำให้เขาได้โอกาสเข้าไปเยี่ยมเยือนสักที ทำการสำรวจ เก็บของที่ระลึก และเคลียร์สิ่งอุดตันท่อน้ำทิ้งซิงค์ให้
และแล้ว การย่องเข้าบ้านครั้งที่สาม ซึ่งเขารอสั่งไส้หลอดไฟ กะจะมาเปลี่ยนให้ เปิดประตูเข้าไปก็พบว่า ‘ฮันโซรานอนตายจอมกองเลือด’ ชัดว่าถูกฆาตกรรมแน่นอน
แน่นอนว่า เขาไม่กล้าแจ้งความเพราะกลัวตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดี หลังจากนั้นพอดีมีลูกค้าต้องการดูบ้าน เขาจึงพาไปชม กะว่ามีพยานร่วมเห็นเหตุการณ์ค่อยแจ้งความน่าจะลงตัว แต่ปรากฏว่า บ้านสะอาดเรียบ ไม่มีร่องรอยของศพฮันโซรา!
ในเวลาต่อมา เขาก็เริ่มพบจดหมายปริศนา รูปภาพแบล็คเมล์ ที่เก็บโถอัฐิของแม่ถูกทุบแตก อุบัติเหตุที่เหมือนการมุ่งร้ายเอาชีวิตเขา ทำให้เขาเริ่มตระหนักว่า ฆาตกรตัวจริงคงเห็นเขาในวันนั้น เขาต้องพยายามสืบหาว่าเป็นใคร ในขณะที่เขาก็ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย และตัวละครใหม่ที่เกี่ยวพันกับฮันโซราก็โผล่ขึ้นมาเติมความซับซ้อนให้กับเรื่องราว ทั้งยูทูบเบอร์สาวโฮรูกิ (รับบทโดย พัคเยนี) อีจงฮัก (รับบทโดย ยุนบยองฮี) รวมถึงตำรวจสายสืบ โอยองจู (รับบทโดย อีเอล) ที่เข้ามาทำคดีนี้
นอกจากนี้ก็ยังมีบทรับเชิญ หัวหน้าทีมตำรวจ (รับบทโดย พัคมยองฮุน) และเสริมบทสมทบเพื่อนร่วมงานของกูจองแท จีฮี (รับบทโดย ชิมดัลกี)
อินโทรต้นเรื่องไว้แค่นี้ ที่เหลือให้ไปสนุกต่อด้วยตัวเอง ทั้งเงื่อนงำ การพลิกหักมุม เดินเรื่องไว ทยอยเฉลยคืบหน้าไปเรื่อยๆให้ยังน่าติดตามจนสุดทางจบเรื่อง แต่ถ้าเป็นนักดูงานแนวนี้มาเยอะๆ ก็อาจพอเดาๆเรื่องได้บ้าง แต่สำหรับผู้เขียนก็ยังคิดว่ารวมๆดูสนุกได้อยู่นะ และอยากชวนมาชื่นชมฝีมือตีแตกได้ทุกบทของของชินฮเยซอน เล่นดีเยี่ยมอีกตามเคย บยอนโยฮันก็ลงตัวกับบทมาก มีเสน่ห์น่าดูทั้งคู่
โดยเผินๆ คาแรคเตอร์ตัวละครอาจดูเหมือนเกินจริงไปบ้างไม๊ แต่ก็พอเชื่อได้ว่าอาจมีคนเช่นนี้อยู่จริง เพราะปัญหาจิตหลบใน ผลกระทบจากสภาพแวดล้อม และการอธิบายเหตุผลแรงจูงใจไว้ค่อนข้างชัด เรื่องนี้ได้ตั้งใจจับเอาตัวละครที่มีปัญหาจิตหลากหลายมาเจอกัน เหมือนมาสุมประชันความจิตอย่างสนุกลุ้น อาจชวนเราเผลอไผลเห็นใจผู้ตกเป็นเบี้ยล่างหรือจะเรียกว่าเป็นเหยื่อของอาชญากรรม ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นก็เคยทำให้ผู้อื่นเป็นเหยื่อของเขามาแล้วด้วยความจิตๆเช่นกัน
สิ่งที่น่าคิดอีกอย่างก็คือ การแซะความจริงในสังคมยุคนี้ ที่สื่อโซเชียลมีอิทธิพลต่อกระแสความคิดของผู้คน เรื่องจริงเรื่องหลอกปนเปกลมกลืนจนยากจะกลั่นกรองหรือแยกแยะได้ สื่อโซเชียลที่ถูกใช้เป็นเครื่องสร้างภาพปลอมลวงจิตตัวเองและสร้างหน้ากากลวงโลกได้ง่ายๆ ผู้คนจึงมักตกเป็นเหยื่อทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกทั้งเรื่องนี้ก็สะท้อนให้ชวนคิดระแวดระวังกับสารพัดอาชญากรรมชวนขนลุกในสังคมยุคนี้ ใครๆก็ไว้ใจได้ยากเหลือเกิน
ฉากจบที่ผู้เขียนชอบมาก กลับมาสำรวจกูจองแทอีกครั้งหลังผ่านวิกฤติ เขาสะกดกลั้นความสอดรู้สอดเห็นไปได้บ้าง แต่ก็เริ่มระแวงกับสายตาผู้คนที่แอบมองเขา ราวกับจะสื่อว่า เขาก็ยังเชื่อว่าตัวเองเป็นเหยื่อ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเขาไม่ได้ผิดปกติอะไร! ใครๆก็เป็นเหมือนกันรึปะ! โอ้ว..ช่างเหนียวแน่นในความหลงผิดจริงๆ 555
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน