ถ้าให้จัดอันดับนักแสดงสาวที่มีออร่าและความสวยที่โดดเด่น เชื่อว่าหลายคนคงมีชื่อของ ฮันโซฮี (Han So Hee) ติดโผอยู่ด้วย โดยเธอแจ้งเกิดอย่างโด่งดังจากการรับบทบาท ยอดาคยอง ในซีรีส์ The World of the Married (2020) และเธอได้รับความนิมยมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นจนกลายเป็นนักแสดงสาวระดับท็อป พร้อมกับได้ไปเฉิดฉายในวงการแฟชั่นระดับโลก
ในปี 2023 นี้ เธอมากับผลงานแนวระทึกขวัญเป็นครั้งแรกกับ Gyeongseong Creature กับบทบาท ยุนแชอ๊ก นักแกะรอยตามหาคนหาย เธอกลับมาครั้งนี้กับทักษะการแสดงที่ทำให้เราได้ทึ่งอีกเช่นเคย นอกจากบทสาวเท่สุดโหดนี้แล้ว เธอเคยได้รับบทบาทไหนและมีผลงานอะไรมาบ้าง วันนี้เราจะพาไปรู้จักเธอให้มากขึ้นผ่านบทความ SPOTLIGHT นี้กัน! ✨
ฮันโซฮี (Han So-hee / 한소희) เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 1994 อายุ 29 ปี บ้านเกิดอยู่ที่เมืองอุลซาน เธออาศัยและเติบโตมากับคุณยาย หลังจากเรียนจบมัธยม เธอตัดสินใจเดินทางมายังกรุงโซลและเริ่มเดินสายถ่ายแบบควบคู่ไปกับการทำงานพาร์ทไทม์ ที่จริงแล้วโซฮีไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นนักแสดงตั้งแต่แรก แต่พอได้แสดงในการถ่ายโฆษณา เธอก็รู้สึกสนใจการแสดงด้วย เธอคิดว่าการมีส่วนร่วมในการถ่ายทำโฆษณาเป็นแรงบันดาลใจให้เธออยากเป็นนักแสดง
ในที่สุดโซฮีก็มีผลงานในวงการบันเทิงชิ้นแรก ด้วยการปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอเพลง Tell Me What to Do ของวง SHINee ในปี 2016 ปัจจุบันเธออยู่ภายในสังกัด 9ato Entertainment ซึ่งดูแลเธอตั้งแต่ผลงานแรกจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาปี 2017 เธอก็ได้เดบิวต์ละครเรื่องแรก กับบทบาทสมทบในซีรีส์โรแมนติกแฟนตาซี Reunited Worlds กับบท อีซอวอน นักข่าวนิตยสารแฟชั่นจากครอบครัวร่ำรวย ต่อด้วยซีรีส์แนวดราม่า Money Flower กับบท ยุนซอวอน หญิงสาวผู้กล้าหาญที่ต้องเผชิญหน้ากับตระกูลแชโบลผู้มีอิทธิพล ถึงแม้ทั้งสองเรื่องนี้เธอจะไม่ได้รับบทหลัก แต่เธอก็เรียกความสนใจจากผู้ชมได้ไม่น้อยจากเสน่ห์ที่โดดเด่นและทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมในฐานะนักแสดงหน้าใหม่
ปี 2018 เธอก็ได้มีผลงานซีรีส์ย้อนยุคเป็นเรื่องแรกกับ 100 Days My Prince ในบทบาท คิมโซฮเย ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นสตรีที่งดงามหาใครเปรียบ พระชายาของ องค์รัชทายาท (รับบทโดย โดคยองซู) โซฮีได้เผยออร่าสุดสง่างามในชุดฮันบกชนิดที่ว่าละสายตาไม่ได้เลย โดยซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานแนวย้อนยุคเรื่องแรกและเรื่องเดียวของเธอในขณะนี้
ในปีเดียวกันเธอยังปรากฏตัวใน After The Rain ซีรีส์สั้น 2 ตอนจบจากช่อง KBS ตามด้วยซีรีส์แนวโรแมนติกแฟนตาซี Abyss ในปี 2019 กับบทบาท จางฮีจิน สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา ผลงานเหล่านี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดี ถึงแม้เธอจะไม่ได้รับบทหลักแต่ก็ทำให้เธอค่อยๆ เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
มาถึงผลงานมาสเตอร์พีซที่แจ้งเกิดให้กับเธออย่างซีรีส์เมโลดราม่า The World of the Married (2020) ในบทบาท ยอดาคยอง สาวสวยและเพียบพร้อมแต่กลับเป็นมือที่ 3 ของคู่สามีภรรยา จีซอนอู (รับบทโดย คิมฮีแอ) และ อีแทโอ (รับบทโดย พัคแฮจุน) โซฮีมาในลุคสาวมั่นพร้อมกับความร้ายกาจขั้นสุด เป็นตัวละครที่ผู้ชมต่างก่นด่า แต่ในทางกลับกันตัวเธอก็ได้รับคำชมมากมายถึงทักษะการแสดงที่พัฒนาไปอีกขั้น และความสวยของเธอที่สะกดคนดูอยู่ในทุกครั้งที่ปรากฏตัว
ซีรีส์เรื่องนี้ฮอตฮิตไปทั่วเอเชียและสามารถทำเรตติ้งสูงถึง 28.37% ทะยานขึ้นเป็นอันดับ 1 ซีรีส์เรตติ้งสูงสุดตลอดกาลของช่องเคเบิลเกาหลีใต้ และยังไม่มีเรื่องไหนทำลายได้สถิติได้ พร้อมกับกวาดไปถึง 7 รางวัลจากเวทีต่างๆ หนึ่งในนั้นคือความสำเร็จของโซฮีที่คว้ารางวัล Rookie of the Year จากเวที 5th Asia Artist Awards และยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขา นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม บนเวที 2020 (56th) BaekSang Arts Awards ด้วย ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนั้น
หลังจากที่ได้แจ้งเกิดย่างเจิดจรัส ในปีต่อมา เธอก็ได้รับบทนำเต็มตัวเป็นเรื่องแรกกับบท ยูนาบี ในซีรีส์โรแมนติก Nevertheless (2021) เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ยูนาบี หญิงสาวที่กลัวและไม่เชื่อในความรักและได้มาเจอกับ พัคแจอน (รับบทโดย ซงคัง) ชายหนุ่มที่รักในการออกเดต ความรักที่ไม่อาจห้ามใจได้จึงเกิดขึ้น เคมีที่แสนร้อนแรงของพระนางและเรื่องราวความรักที่ชวนใจสั่นของทั้งคู่ส่งผลให้ Nevertheless ติดอันดับซีรีส์ที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดอย่างต่อเนื่องอยู่หลายสัปดาห์ รวมถึงนักแสดงนำอย่าง ฮันโซฮี ซงคัง แชจงฮยอบ และ อีโฮจอง ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเช่นกัน
ความปังของโซฮียังไม่หมดเพียงเท่านั้น ในปีเดียวกันนี้ เธอได้พลิกบทบาทจากสาวสวยมารับบทเป็น ยุนจีอู สาวเท่ที่เข้ามาพัวพันกับแก๊งค้ายาเพื่อตามหาฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอ ใน My Name ซีรีส์แนวแอคชั่นบู๊เดือดที่ติดอันดับ 4 ซีรีส์ยอดฮิตบน Neflix ทั่วโลก โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์ว่าได้ลงทุนเพิ่มน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม และเรียนการต่อสู้นานกว่า 3 เดือนเพื่อถ่ายทอดตัวละครออกมาให้ดีที่สุด โซฮีได้รับคำชมถึงการแสดงที่ละเอียดอ่อนทั้งในฉากแอคชั่นและฉากสะเทือนอารมณ์ เธอพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอสามารถทำได้ดีในทุกบทบาท และขึ้นแท่นเป็นนักแสดงสาวตัวท็อปของวงการในเวลาเพียง 5 ปี
ปี 2022 โซฮียังคงเสิร์ฟผลงานอย่างต่อเนื่องกับบทบาท อีอึนซู นักแต่งเพลงสาวแสนสดใสและซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง ประกบคู่กับ พัคฮยองชิก ในซีรีส์แนวดนตรี-โรแมนซ์ Soundtrack #1 เล่าเรื่องราวของชายหญิงที่เป็นเพื่อนกันมานานกว่า 20 ปีและได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ควบคู่ไปกับการทำเพลงสุดไพเราะ
ความโดดเด่นทั้งการแสดงและเสน่ห์ของโซฮี ทำให้เธอเป็นที่สนใจไม่เฉพาะในวงการบันเทิงเท่านั้น แต่รวมไปถึงวงการแฟชั่นด้วย ในปี 2022 เธอได้รับการแต่งตั้งเป็น Global Brand Ambassador ของแบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Balenciaga เป็นคนแรกของเกาหลีใต้ ต่อด้วยตำแหน่ง Brand Ambassador ของแบรนด์นาฬิกาลักชัวรีอย่าง OMEGA และล่าสุดในปี 2023 กับตำแหน่ง Brand Ambassador ชาวเกาหลีคนแรกของ Boucheron แบรนด์จิวเวลรีสุดหรู เรียกได้ว่าเธอได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งซุปเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง
นอกจากผลงานซีรีส์แล้ว เธอยังปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอเพลงทั้งหมด 4 เพลงนอกเหนือจากผลงานเดบิวต์ ได้แก่ That Girl – Jung Yong-hwa (2017), The Hardest Part – Roy Kim (2018), You & I – MeloMance (2019) และล่าสุดในปี 2023 กับ Seven ของ Jungkook น้องเล็กแห่งวง BTS เพลงฮิตที่สร้างสถิติมากมายนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าโดดเด่นไม่แพ้ผลงานซีรีส์เลยทีเดียว
ในปี 2023 นี้เธอยังได้ลองชิมลางจอเงินเป็นครัังแรกกับ Heavy Snow ภาพยนตร์โรแมนติกบอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวมัธยมปลายสองคนที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเธอได้แบ่งปันมิตรภาพและความรักให้แก่กันระหว่างที่เดินทางจากคันนึงไปโซล ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการรับท LGBTQ+ เรื่องแรกของโซฮี ถูกฉายเป็นครั้งแรกใน งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติจอนจู ครั้งที่ 24 (24th Jeonju International Film Festival) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่วนวันเข้าฉายที่ไทยนั้นยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ หากมีความคืบหน้า ทาง Korseries จะรีบมาอัพเดทให้ทุกคนทราบอย่างแน่นอน
มาถึงผลงานล่าสุดอย่างซีรีส์แนวสัตว์ประหลาด-ระทึกขวัญ Gyeongseong Creature ที่ทำให้เราได้ทึ่งกับลุคแปลกใหม่ของเธออีกครั้งกับบท ยุนแชอ๊ก นักล่าค่าหัวชื่อดังที่สามารถตามแกะรอยหาคนหายได้ ซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนที่ต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่เกิดจากความโลภของมนุษย์ มีฉากหลังเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 1945 ในเมืองคยองซอง (ชื่อเดิมของกรุงโซล)
นอกจากโซฮีแล้วยังมีนักแสดงชื่อดังอย่าง พัคซอจุน คลอเดีย คิม และ วีฮาจุน มาร่วมทัพสร้างความระทึกด้วย เรื่องราวจะโกลาหลขนาดไหนและความวุ่นวายนี้จะจบลงอย่างไร หาคำตอบไปพร้อมกันได้แล้ววันนี้ในพาร์ทแรกทาง Netflix และรอติดตามพาร์ท 2 ได้ในเดือนมกราคม 2567
หลายคนอาจจะบอกว่าโซฮีประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่กว่าเธอจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลย แต่ไม่ว่าเธอจะโด่งดังมากแค่ไหน เธอก็ไม่เคยปฏิเสธถึงตัวตนของเธอทั้งในอดีตและปัจจุบันที่หล่อหลอมให้เธอเป็น นักแสดงฮันโซฮี ในทุกวันนี้ มาคอยเป็นกำลังใจในทุกก้าวเดินของนักแสดงสาวสุดสวยของเรากันนะคะ ทุกคนสามารถติดตามเธอเพิ่มเติมทาง Instagram ส่วนตัว @xeesoxee ได้เลยค่ะ 🐈❤️
บทความที่เกี่ยวข้อง
‘ฮันโซฮี’ ตัดสินใจถอดจิวเจาะบนใบหน้าออก หลังได้ลองทำตามใจอยาก
‘ชาอึนอู – ฮันโซฮี’ ร่วมเฟรมกันอีกครั้ง! เผยเคมีดีต่อใจ ในคอลเลคชั่นใหม่ ของแบรนด์ ‘Giordano’
ฮันโซฮี ขอกลับคำ คืนวงการนักดื่ม หลังได้รับเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของโซจูแบรนด์ดัง
ฮันโซฮี เตรียมเดินทางมาไทย ร่วมงาน ‘OMEGA Her Time’ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ OMEGA
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage :facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website :korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡
