42.195 กม. คือระยะทางวิ่งมาราธอนที่เหนื่อยยากยาวไกลกว่าจะเข้าถึงเส้นชัย
แต่เส้นทางของนักวิ่งที่มุ่งมั่นนำศักดิ์ศรีชาติสู่สายตาโลกสิยากยิ่งกว่า
Road to Boston หรือชื่อเดิมว่า 1947 Boston เป็นภาพยนตร์ที่สร้างอิงชีวประวัติของนักกีฬาวิ่งมาราธอนเกาหลีใต้ ซึ่งมี 3 คนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน คือ หนึ่ง ‘ซนกีจอง’ นักกีฬาที่เคยได้รางวัลเหรียญทองจากการแข่งขัน 1936 Berlin Olympics Marathon ในนามของซนกีแท นักกีฬาชาติญี่ปุ่น เพราะยุคนั้นเกาหลีใต้ถูกปกครองโดยญี่ปุ่น, สอง ‘นัมซองยง’ นักกีฬาเหรียญทองแดงจากการแข่งขันเดียวกันกับซนกีจอง
และสาม ‘ซอยุนบก’ ตัวเอกของเรื่องซึ่งเป็นนักกีฬาที่ลงแข่งในการแข่งขัน 1947 Boston Marathon ซึ่งเป็นครั้งแรกของเกาหลีใต้ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติในนามของชาติตนเอง หลังสิ้นสุดสงครามโลกและได้รับอิสรภาพ ซึ่งผลการแข่งขันคือ ซอยุนบกสามารถคว้าชัยเป็นที่หนึ่งได้อย่างน่าภาคภูมิใจ พร้อมสร้างสถิติโลกใหม่ในปีนั้นด้วย
เนื้อหาหลัก ๆ มาจากเรื่องจริง แต่ก็มีบางรายละเอียดปลีกย่อยที่ปรับหรือเติมไปบ้างเพื่อเพิ่มสีสันบันเทิง เรื่องราวที่เล่าถึง 10 ปีให้หลังจากโอลิมปิกเบอร์ลิน ซนกีจอง (รับบทโดย ฮาจองอู) ผู้หมดสภาพด้วยความหดหู่เกาะกินใจ อนาคตนักวิ่งถูกริดรอนไปโดยญี่ปุ่น ไม่สามารถลงแข่งที่ใดได้อีก อีกทั้งเหรียญรางวัลที่ได้มานั้นก็หาใช่ชื่อเกียรติภูมิของชาติ แม้แต่ตัวเองยังไม่สามารถชื่นชมในคำว่าฮีโร่ของชาติได้นักเลย ตอนนี้เขาและเพื่อนสนิท นัมซองยง (รับบทโดย แบซองอู) ทำหน้าที่เป็นโค้ชฝึกนักวิ่ง
ในงานแข่งขันวิ่งมาราธอนในประเทศฉลองครบรอบ 10 ปี ซนกีจอง เป็นผู้คล้องเหรียญรางวัลที่หนึ่งให้กับ ซอยุนบก (รับบทโดย อิมชีวาน) อย่างซังกะตาย ในสภาพกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ไม่มีอะไรน่านับถือชื่นชมในสายตาของซอยุนบก ยิ่งซอยุนบกเองก็มาแข่งด้วยหวังเพียงเงินรางวัลเท่านั้น สุดท้ายก็น่าจะเลิกรากันไปแค่นั้น
แต่เพราะ นัมซองยง ผู้ยังเหลือพลังบวกมากกว่าเพื่อน มองเห็นพรสวรรค์ของ ซอยุนบก ว่าสามารถเป็น ‘ซนกีจองคนที่สอง‘ ได้ เลยหมายมั่นจะปั้นให้เป็นนักวิ่งตัวแทนขาติไปแข่งโอลิมปิกลอนดอน ปี 1948 แต่อุปสรรคแรกที่สกัดความฝันคือ เกาหลีใต้ไม่มีประวัติการแข่งขันนานาชาติ เพราะประวัติจากโอลิมปิกเบอร์ลินนั้นถูกนับเป็นของญี่ปุ่น จึงตกคุณสมบัติไป ยิ่งทำให้พวกเขาคับข้องใจหนัก ตั้งปณิธานว่าต้องให้นักวิ่งรุ่นหลังของชาติได้มีตัวตนและวิ่งสร้างชื่อในนามของชาติเกาหลีใต้ให้ได้
หลังจากหาทางออกได้ว่า พวกเขาจะต้องไปลงแข่งที่ Boston Marathon ก่อน เพื่อเริ่มต้นสร้างประวัติใหม่ของตัวเอง หนังก็ถ่ายทอดสารพันอุปสรรคเรียงหน้ามากดดันให้ฮึดสู้ ค่อย ๆ แก้ไปทีละเปลาะ สะท้อนเส้นทางการไปสู่การแข่งขันที่แสนยากลำบาก เช่น ซอยุนบก ที่มีภูมิหลังชีวิตยากจน แม่ป่วยหนัก การหาเงินเป็นเรื่องสำคัญที่ใคร ๆ อาจเข้าใจเขาผิดได้ (แม้กระทั่งพรสวรรค์การเป็นนักวิ่งที่แข็งแกร่งว่องไวนั้น ก็ยังมาจากความยากจนที่ชวนอึ้งจุกอกกันเลย ต้องไปติดตามดูกันค่ะ)
การต้องเรียนรู้เข้าใจจิตวิญญาณนักกีฬา การวิ่งมาราธอนอย่างมืออาชีพมีกลยุทธ การปรับตัวให้เข้าใจลงรอยกับโค้ช ซนกีจอง ที่ดูเหมือนจะค่อนข้างเลือดร้อน (ยามฮึดได้ที่ขึ้นมาแล้ว) ใส่เขาอยู่บ่อย ๆ (แต่ยามเข้ากันดีแล้ว เคมีคู่นี้ก็ดีเลยนะ) ความไม่ราบรื่นจากสถานการณ์ทางการเมือง การหาบุคคลรับรอง หาเงินทุนเพื่อสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน
แม้กระทั่งเมื่อไปถึงสหรัฐอเมริกาแล้วก็ยังมีเหตุให้เกือบจะชวดการลงแข่งอีก เพราะประเด็นที่ยืนกรานไฟต์เพื่อให้ได้เสื้อแข่งเป็นชื่อและตราธงชาติเกาหลีเท่านั้น แถมยังเหลือเชื่อไปถึงปัญหาไม่คาดคิด เกิดอุบัติเหตุจากน้องหมาของผู้ชมข้างทางที่ทำสายจูงหลุดมือ ทำซอยุนบกล้มคะมำและเสียจังหวะวิ่งไปอย่างน่าเป็นห่วง (อันนี้ก็เป็นเหตุการณ์จริงด้วยนะ)
เรื่องราวทั้งหมดที่ถ่ายทอดมา จะพาผู้ชมอินไปกับพวกเขา ได้ทั้งอารมณ์เห็นอกเห็นใจ บีบคั้นแค้นเคืองไปด้วย ลุ้นเอาใจช่วย ตื้นตันและฮึกเหิมตาม เพลิน ๆ จากต้นจนสุดเส้นชัย
แม้จะเป็นโครงสร้างของเส้นทางต่อสู้วิกฤติฟันฝ่าอุปสรรคของหนังกีฬาทั่วไป แต่ประเด็นเรื่องศักดิ์ศรีและความรักชาติที่ตอกหมุดไว้ใหญ่และชัดตลอดเรื่อง คุณภาพงานโปรดัคชั่นละเอียดพิถีพิถันในการสะท้อนภาพยุคพีเรียดได้สมจริง งานซาวน์/เพลงดี
รวมถึง อิมชีวาน ที่ตีบทแตกอีกครั้ง นอกจากความรักการวิ่งเป็นทุนอยู่แล้ว เขายังเต็มที่กับการฝึกซ้อมอย่างหนัก คุมอาหารสร้างกล้ามเนื้อฟิตร่างกายให้มีเปอร์เซนต์ไขมันเหลือแค่ 6% ให้ได้ความเป็นนักวิ่งมาราธอนอย่างสมจริง และวิ่งได้สวยงามมากค่ะ (ถ้ารักอิมชีวาน ต้องดูเลย) ทำให้หนังเรื่องนี้มีพลังความสมจริง พร้อมความบันเทิงที่มีคุณค่า ชวนตื้นตันฟิลกู้ด แม้เราจะไม่ใช่คนเกาหลีแต่ก็เรียกน้ำตาจากเราไปได้อย่างไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ก็ยังมี นักแสดงอื่น ๆ มาร่วมแจมเยอะบ้างน้อยบ้าง เช่น คิมซังโฮ พัคอึนบิน ซอจองยอน จองยองจู พัคฮโยจู โอฮีจุน เป็นต้น
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡