นิยาม ‘ครอบครัว’ ของชายจรจัดหัวหน้าครอบครัวที่รักอิสระ
คือชีวิตที่เหมือนออกทริปด้วยกัน
เปี่ยมรักอิ่มสุขพร้อมหน้าพ่อ-แม่-ลูก ๆ สนุกไปวันต่อวัน
ทว่า..จะใช่ความเป็น ‘ครอบครัว’ ที่สุขแท้จริงและยั่งยืนหรือไม่
The Highway Family (2022) เป็นภาพยนตร์ที่เกิดจากประเด็น ‘ครอบครัว‘ ของผู้กำกับที่รังสรรค์เรื่องราวมาให้ได้ขบคิดและตระหนัก ทั้งในแง่มุมของปัจเจกความเป็นมนุษย์ ขยับต่อไปถึงการเป็นสังคมมนุษย์ชั้นต้น และกินความไปถึงภาพใหญ่ของปัญหาเศรษฐกิจสังคมที่กดดันให้เกิด ‘ครอบครัวข้างถนนทางหลวง’ นี้ขึ้นมา และแน่นอนว่าทุกเส้นทางก็มักมีทางแยก เมื่อถึงจุดตัดที่ต้องแยก นั่นคือทางเลือกชีวิตที่ต้องเจอ
เรื่องราวที่เล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่ไม่พึ่งพาการมีบ้านแต่มีความรักต่อกันอย่างเต็มเปี่ยม พ่อคือ กีอู (รับบทโดย จองอิลอู) แม่ที่อุ้มท้อง 7 เดือนคือ อันจีซุก (รับบทโดย คิมซึลกิ) ส่วนลูกสาววัย 9 ขวบคือ อึนอี (รับบทโดย ซออีซู) และลูกชายวัย 5 ขวบคือ แท็ก (รับบทโดย พัคดาอน) พวกเขาแบกเป้สัมภาระออกเดินเท้าไปตามทางหลวง เหนื่อยก็พักข้างทาง เพื่อหาจุดพักรถเป็นที่ตั้งเต็นท์ค้างคืน เหมือนกำลังออกทริปมาแคมปิ้งกันอย่างมีความสุข
สิ่งอำนวยความสะดวกของจุดพักรถก็เอื้อต่อการพักอาศัยมาก ทั้งห้องน้ำให้อาบน้ำสระผมและซักผ้าได้ รูปลักษณ์พวกเขาเลยแค่ดูมอซอหน่อยแต่ไม่มอมแมมนัก อีกทั้งอาหารการกินก็มีพร้อม เพียงแค่คอยขอยืมเงินจากผู้สัญจรไปมา โดยอ้างว่าทำกระเป๋าเงินหาย ต้องพาลูกเมียกลับบ้านแต่ขาดเงินเติมน้ำมัน จึงขอยืมแค่ (คนละ) 20,000 วอนเท่านั้น ไม่รับมากกว่านี้ ทำทีว่าขอเบอร์บัญชีไว้โอนเงินคืนด้วย (ทั้งๆที่ไม่มีโอกาสคืนอยู่แล้ว) ในกรณีที่ถูกไล่ที่ ก็ต้องอพยพเดินเท้าไปตามทางหลวงหาจุดพักรถแห่งใหม่ต่อไป นั่นก็เพราะจริง ๆ แล้วพวกเขาคือ คนจรจัดไร้บ้าน นั่นเอง
หนึ่งในผู้ถูกขอยืมเงินก็คือ ยองซุน (รับบทโดย รามีรัน) นอกจากเธอจะให้ 20,000 วอนแล้ว ยังใจดีแถมให้เองอีก 50,000 วอน เพราะเห็นแก่เด็ก ๆ ที่ยังไม่ได้กินข้าว โดยเธอทิ้งนามบัตรไว้ให้เพื่อการโอนเงินคืน
ยองซุนเป็นเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์มือสองที่ขยันและพอมีฝีมือ ธุรกิจซื้อของโละมาขัดแต่งให้เป็นของใหม่ขายในราคาประหยัดของเธอที่ไม่ได้ใหญ่โตนักแต่ก็พอไปได้ดี มีสามี คือ โดฮวาน (รับบทโดย แบคฮยอนจิน) ช่วยงาน รวมถึงลูกจ้างต่างด้าวชาวทิเบตอีกหนึ่งคน เธอเพิ่งสูญเสียลูกชายวัยประถมไปจากอุบัติเหตุไฟไหม้ศูนย์สันทนาการที่ลูกไปเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งเธอยังทำใจไม่ได้
ในวันที่ยองซุนได้เจอครอบครัวของกีฮุนอีกครั้งที่จุดพักรถอีกแห่ง ทำให้เธอรู้ว่าถูกหลอกเงินไป และยิ่งเห็นเด็ก ๆ ตกอยู่ในอันตรายจากรถรา จึงโกรธจนแจ้งตำรวจไปจับ กีอู มีความผิดถูกคุมขัง ส่วนลูกเมียได้แต่นั่งรอหมดหนทางอยู่หน้าสถานี จนยองซุนทนความสงสารไม่ได้ พากลับมาพักที่โรงงานเล็ก ๆ ของเธอด้วย
ชีวิตของภรรยา จีซุก ลูกสาว อึนอี และลูกชาย แท็ก จึงเหมือนได้เกิดใหม่ที่นี่ กินอิ่มนอนหลับ ปลอดภัยไม่ต้องเร่ร่อน แถมอึนอีก็เริ่มได้เรียนหนังสือสมใจหวัง ส่วนจีซุกก็ได้ไปฝากครรภ์ ทำให้รู้ว่าลูกในท้องของเธอต้องได้รับการดูแลดี ๆ จีซุกเองก็ขยันช่วยงานในโรงงาน ยองซุนเองก็ลดความเหงาไปได้ ทุกอย่างดูลงตัวกำลังไปได้ดีอย่างมีอนาคต เหมือนเป็นครอบครัวใหม่ครอบครัวหนึ่งเลย จนกระทั่งเมื่อกีอูทนคิดถึงลูกเมียไม่ได้และหนีออกมาตามหา ก่อเรื่องราวบานปลาย พาเจ็บปวดใจกันไปหมด แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร ก็คงต้องตามไปดูกันค่ะ
*บทความต่อจากนี้ มีการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนของภาพยนตร์*
ในแง่ความบันเทิง สัมผัสได้ถึงหลายรสชาติ เอ็นดูครอบครัวสุขสมถะที่มีความรักร้อยผูกครอบครัวไว้อย่างเรียบง่าย มีเพียงเราและมีเพียงวันนี้ที่มีความสุขก็พอแล้ว แต่เมื่อวันหนึ่งที่ต้องเผชิญเรื่องยากจากกฏกติกาสังคม สิ่งที่มีไม่เพียงพอต่อการปกป้องครอบครัวให้ดำรงอยู่ได้ จึงกลายเป็นความเศร้าชวนเห็นใจ ยิ่งเมื่อบทค่อย ๆ เผยให้เรารู้ที่มาของการเลือกชีวิตแบบนี้ของพวกเขา ก็ยิ่งอนาถใจแบบหาทางออกให้ไม่ถูกเอาซะเลย เป็นชะตาชีวิตที่เราอาจพบเห็นได้ในสังคมจริงทุกวันนี้ แม้หนังจะคลี่คลายมีจุดสิ้นสุดแบบทิ้งปลายบางส่วนให้ผู้ชมเลือกคาดเดาได้ตามใจเป็นสองทาง คือ กีอูอยู่ ณ ที่ใด แต่ที่แน่ ๆ เขายังอยู่ในใจของครอบครัวเสมอ
ส่วนแง่มุมที่น่าสนใจอื่น ๆ ก็มีกิมมิคที่เลือกทางหลวงและจุดพักรถมาเป็นสถานที่สร้างครอบครัวก็ดูสร้างสรรค์น่าคิดดี อีกทั้งยังให้ จองอิลอู ผู้แทบไม่เคยรับบทซอมซ่อยากไร้ (อาจจะเพราะชีวิตจริงค่อนข้างมีฐานะและมีผิวพรรณออร่าไฮโซด้วย) ทำให้เรียกความสนใจได้ดี
นอกจากนี้ ความช่างคิดของการล้อ ‘ครอบครัว’ ไปกับกิจการเฟอร์นิเจอร์มือสองก็น่าสนใจ จีซุกและลูก ๆ ที่ซอมซ่อและครอบครัวแตกพังไปที่ถูกยองซุนพากลับมาขัดเกลาชุบชีวิตสดใส ดุจเป็นครอบครัวมือสองที่กลายเป็นครอบครัวใหม่ให้เธอได้ ชวนอิ่มเอมใจไปกับพวกเขาที่ได้พบกับคนดี (ทั้ง ๆ ที่ทีแรกคือคนไม่ดีสำหรับพวกเขา เป็นความสมจริงของมนุษย์ที่มีสองด้านได้ ตามแต่มุมมอง สถานการณ์ และเวลา)
การเดินเรื่องที่ดูเรียบง่ายในมุมกล้องแบบธรรมชาติ พาอารมณ์ไต่ขึ้นไปถึงจุดพีคอย่างค่อยเป็นค่อยไป บทที่เข้ามือนักแสดงถ่ายทอดได้อารมณ์สมจริง เป็นหนังที่มีสาระให้กับสังคมได้ร่วมกันตระหนัก ครอบครัวคือสังคมขนาดย่อยที่เล็กสุด เพื่อประกอบเข้ากันเป็นสังคมใหญ่ ภาครัฐและผู้เกี่ยวข้องสามารถดูแลผู้คนให้ได้รับโอกาส ปกป้องให้เกิดเที่ยงธรรม และช่วยเหลือให้สวัสดิการที่เหมาะสมเพียงใด เพื่อให้แต่ละองคาพยพร่วมกันเป็นสังคมรวมที่ดีขึ้น แม้หนังจะไม่ได้เน้นขยี้ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระตุกให้คิดถึงอยู่ด้วยไม่ใช่น้อยเลยค่ะ
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡