กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นสำหรับซีรีส์อย่าง ‘Tale of the Nine Tailed 1938’ หลังจากจบซีซั่นแรกในปี 2020 และได้เสียงตอบรับจากแฟนๆ บางส่วนอย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะประเทศไทย หลังจากขึ้นอันดับหนึ่งในไพร์มอเมซอน (Prime Amazon) ทำเอา ‘อีรัง’ หรือ นักแสดงหนุ่ม ‘คิมบอม’ ถึงกับออกมาขอบคุณแฟน ๆ ลงไอจีสตอรีกันเลยทีเดียว
แม้ว่า Tale of the Nine Tailed 1938 อาจจะแบกความคาดหวังบางอย่างจากผู้ชมในฐานะซีรีส์ภาคต่อ แต่ก็ยังคงทำได้ดีในการเปิดประเด็นใหม่ ๆ โดยที่ไม่ซ้ำซากจากภาคแรก ตั้งแต่การพาตัวละคร ‘อียอน’ (รับบทโดย อีดงอุค) ที่กำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กลับต้องพรากจากหญิงอันเป็นที่รัก ย้อนสู่ห้วงเวลาที่ไม่อาจคืนกลับ โดยเล่นกับประเด็นความสัมพันธ์ในวัยเด็กของอียอนเมื่อครั้งยังเป็นเทพแห่งภูเขาแพคดูในอดีต บทบาทที่เพิ่มขึ้นของ ‘อีรัง’ (รับบทโดย คิมบอม) ในปี 1938 หรือแม้แต่สีสันบางอย่างที่เพิ่มขึ้นมาจากตัวละคร ‘รยูฮงจู’ (รับบทโดย คิมโซยอน) ที่ครบเครื่องทั้งเรื่องราวดราม่าและฉากตลกขำขัน สมมงกับการแสดงของยอดฝีมือ เจ้าของรางวัลนักแสดงนำหญิงสาขาละครโทรทัศน์แห่งแพคซังปี 2021
นอกจากนั้น สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ยิ่งพัฒนารายละเอียดมากขึ้น คือ การใส่รายละเอียดตำนานภูตผีปีศาจพื้นบ้านที่ไม่หยุดแค่เพียงสัญชาติเกาหลี แต่ยังรวมเหล่าอสูรตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับไทม์ไลน์หลักของเรื่อง คือ ยุคแห่งการล่าอาณานิคมโดยญี่ปุ่นในเกาหลีนั่นเอง
แต่หากจะพูดถึงตัวละครที่หลายคนให้ความสนใจ คงหนีไม่พ้น ‘ยูแจยู’ (รับบทโดย ฮันกอนยู) บอดี้การ์ดประจำตัวของรยูฮงจูที่ปรากฏตัวด้วยบุคลิกเคร่งครึม มีนิสัยเจ้าระเบียบ ไม่เพียงแต่คอยทำหน้าที่อารักขา ช่วยเหลือนายหญิงแห่งมโยยอนกัก เขายังเป็นผู้จัดระเบียบและห้ามทัพการทะเลาะวิวาทระหว่างคู่อริหมาป่าอย่างหัวหน้าโจร ลูกน้องของอีรัง และกูชินจู สัตวแพทย์หมาจิ้งจอกที่อยู่คู่กับอียอนนับตั้งแต่ซีซั่นหนึ่ง
ยูแจยู เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตเหนือธรรรมชาติเช่นเดียวกับหลายตัวละครในเรื่อง ซึ่งก็คือ ‘หมาจินโด’ สุนัขพันธุ์ท้องถิ่นของเกาหลี เขารอดชีวิตและกลายเป็นองครักษ์ประจำตัวของรยูฮงจู เพราะได้รับการช่วยเหลือจากเธอ หลังจากถูกทำร้ายด้วยกองทัพของกลุ่มทหารญี่ปุ่น
หมาจินโด: จาก ‘สัตว์เลี้ยงท้องถิ่น’ สู่ ‘สมบัติของชาติ’
เมื่อพูดถึงหมาจินโด หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของสัตว์เลี้ยงตัวนี้มาก่อนจากซีรีส์เรื่องอื่น เช่น The First Responders เมื่อพระเอกสายบวกอย่าง ‘จินโฮแก’ มีฉายาว่า ‘จินโดแก’ หรือ ‘หมาจินโด’ จากความบ้าระห่ำและกัดไม่ปล่อยในการปฏิบัติหน้าที่
การเปรียบเปรยดังกล่าวและการยกตัวตนของยูแจยูเทียบเคียงกับหมาจินโด ถือเป็นเรื่องที่ฉลาดเสียทีเดียวสำหรับผู้เขียนบททั้ง 2 เรื่อง เพราะบทบาทของหมาจินโด คือ การเป็นสัตว์ข้างกายของเหล่านายทหารแห่งกองทัพเกาหลีใต้ ที่ประจำการในชายแดนติดกับเกาหลีเหนือ สืบเนื่องจากลักษณะนิสัยที่ตามล่าเก่ง
ขณะเดียวกัน เจ้าหมาหูตั้งตัวนี้ ก็ถูกอธิบายถึงความ ‘ฉลาด’ ‘ซื่อสัตย์’ ‘กล้าหาญ’ และ ‘ไม่เกรงกลัวใคร’ โดยเฉพาะการทำหน้าที่คุ้มครองเจ้าของข้างกาย จนถูกยกย่องว่าเป็น “สัตว์ที่สะอาดและสง่างาม” จากลักษณะนิสัยข้างต้น นั่นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากหมาจินโดจะกลายเป็นสัตว์ที่ความล้ำค่า และเทียบเท่ากับสมบัติของชาติสำหรับชาวเกาหลีเลยทีเดียว
ความเป็นมาของหมาจินโดตั้งแต่แรก คือ การเป็นสัตว์ท้องถิ่นประจำเกาะจินโด (Jindo Island) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี มีภูมิประเทศอันแร้นแค้นเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้ มันจึงพัฒนาสัญชาตญาณนักล่าและปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่โหดร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่ามกลางสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ ที่กระจายไปทั่วเกาะ หมาจินโดยังคงโดดเด่นที่สุดด้วยนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางกระแสที่เชื่ออยู่ว่า จุดกำเนิดของหมาจินโดมาจากการเป็นเครื่องบรรณาการในราชวงศ์ซ่งจากประเทศจีน ท่ามกลางความเชื่อกระแสหลักว่า หมาจินโดคือสัตว์ท้องถิ่นของเกาหลี
จนกระทั่งทศวรรษที่ 1930 สมัยเกาหลีตกอยู่ภายใต้อาณานิคมญี่ปุ่น สุนัขจากเกาะจินโดถูกให้ความสำคัญขึ้นมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งปรากฏในอีพีที่ 8 ของซีรีส์ ยูแจยูประกาศตัวด้วยความภาคภูมิใจว่า เขาในฐานะหมาจินโดได้รับการยกย่องเป็น ‘อนุสาวรีย์ธรรมชาติ’ (Natural Monument) ในปี 1938 เพราะมีลักษณะคล้ายกับสุนัขพื้นเมืองของญี่ปุ่น
นอกจากนั้น ความสำคัญอย่างหนึ่งที่หลายคนไม่ค่อยกล่าวถึง คือ จินโดเป็นสุนัขพื้นเมืองสายพันธุ์เดียวที่อยู่รอดท่ามกลางการสูญพันธุ์ของเจ้าสี่ขาสายพันธุ์อื่นๆ หลังจากกองทัพญี่ปุ่นมีนโยบายกำจัดสุนัขทุกตัวเพื่อนำไปผลิตเสื้อขนสัตว์ป้องกันความหนาวเย็น
ต่อมา ในปี 1962 ซึ่งเข้าสู่ยุคที่คาบสมุทรเกาหลีแบ่งเป็นสองฝ่าย เกาหลีใต้ถูกครอบงำด้วยผู้นำเผด็จการ พัคจองฮี (Park Chung-Hee) ในเวลาดังกล่าว หมาจินโดถูกประกาศเป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติอีกครั้ง ในฐานะสมบัติแห่งชาติหมายเลข 53 ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งประกอบด้วยข้อห้ามที่ประชานต้องปฏิบัติต่างๆ เช่น หากผู้ใดจะขยายพันธุ์หมาจินโด ต้องอยู่ในบริเวณเกาะจินโดเท่านั้น และไม่อนุญาตให้นำเจ้าสี่ขาสัญชาติเกาหลีออกจากพื้นที่โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ
รวมถึงในปี 1975 เกาะจินโดยังจัดหน่วยงานเป็นทางการสำหรับดูแลการขยายพันธุ์หมาจินโดโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นรวมตัวของกลุ่มชาวบ้านที่มีความเชี่ยวชาญดีกับสุนัขท้องถิ่นสายพันธุ์นี้โดยเฉพาะ
สถานการณ์ของหมาจินโดในปัจจุบัน
อ้างอิงจากปี 2008 ผ่านการรายงานของรอยเตอร์ (Reuters) ชาวเกาหลีใต้บางส่วนต้องการทำให้หมาจินโดเป็นสายพันธุ์สากล อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้เป็นไปอย่างลำบาก สืบเนื่องจากกฎหมายภายในข้างต้นที่ทำให้การตีตลาดสุนัขพื้นเมืองเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
นั่นจึงส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเกาหลีใต้บนเวทีโลก หากต้องแข่งขันประกวดสุนัขกับประเทศในเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่นหรือจีน
“สุนัขสายพันธุ์พื้นเมืองของเราไม่เป็นที่รู้จักในโลกเลย ยกเว้นแค่เกาหลี เรารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องทำอะไรบางอย่างกับมัน” อีซูจอง เจ้าหน้าที่ของซัมซุงที่ช่วยเหลือด้านการตลาดของสุนัขจินโดอธิบายในปี 2008
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ข้อห้ามเกี่ยวข้องกับการขยายพันธุ์หมาจินโดยังคงเหมือนเดิมตามข้อกฎหมายว่าด้วยสมบัติแห่งชาติ หากแต่มีเรื่องอันน่ายินดี คือ การสิ้นสุดความโหดร้ายเกินมนุษย์อย่างการสั่งปิด ‘ฟาร์มเนื้อหมา’ ในเกาะจินโด หลังจากมีการเพาะพันธุ์และเชือดสุนัขจินโดเพื่อการบริโภคเป็นระยะเวลา 20 ปีเต็ม
“สุนัขทุกตัวในฟาร์มเนื้อแห่งนี้ คือ เจ้าหมาจินโด สุนัขประจำชาติของเกาหลี แต่พวกมันช่างน่าสงสาร เมื่อถูกขังไว้ในกรงลวดสกปรก กินอาหารจากขยะในร้านอาหาร ปล่อยปละละเลยการดูแลขั้นพื้นฐาน
“ในฐานะฉันภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนเกาหลี ฉันรู้สึกเสียใจที่เห็นความโหดร้ายของฟาร์มเนื้อหมา ฉันยิ่งรู้สึกตกใจเป็นพิเศษที่เห็นสุนัขประจำชาติถูกกดขี่ในเกาะจินโด ฉันถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเห็นพื้นที่ที่เกิดเหตุ” คิมนารา (Kim Na-ra) ผู้จัดการกลุ่ม Humane Society International แห่งเกาหลีอธิบายความรู้สึก
ซึ่งนี่ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาสำหรับสุนัขจินโดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง ‘ฟาร์มเนื้อหมาทั่วเกาหลี’ ซึ่งตกอยู่ในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังที่ มุนแจอิน (Moon Jae-in) อดีตประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้ เคยตั้งประเด็นว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เกาหลีจะแบนการกินสุนัขเป็นอาหาร
ไม่ว่าเรื่องราวของหมาจินโดจะมีบทสรุปเช่นไร เราก็ขอเอาใจช่วยให้เจ้าสี่ขาสายพันธุ์เกาหลีได้โลดแล่นในสายตาทั่วโลก อีกทั้งยังสามารถคงสถานะเป็นสมบัติของชาติได้ในเวลาเดียวกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
Tale of the Nine Tailed 1938 ออกตัวดีตั้งแต่เริ่ม! ทำเรตติ้งเปิดตัวสูงกว่าเรตติ้งสูงสุดของซีซั่นแรก
เรื่องย่อซีรีส์ : Tale of the Nine Tailed 1938 | เทพบุตรจิ้งจอกเก้าหาง 1938 (2023)
ใครคือ ‘YS’ และ ‘DJ’? : ส่องบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลี ผ่านซีรีส์ Reborn Rich
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡