เมื่อเสียงเรียก ‘CQ CQ CQ’ จากวิทยุสมัครเล่นรุ่นโบราณ
ส่งสัญญาณมิตรภาพ สานรักสานฝัน สื่อสารข้ามมิติเวลาไปหากัน
เรื่องราวอัศจรรย์ที่ส่งใหได้เรียนรู้ สุข เศร้า
และการก้าวไปของชีวิต…เช่นกัน ไม่ว่าจะเขาหรือเธอ
Ditto เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนซ์ดราม่าผสมพล็อตเหนือจริงข้ามมิติเวลา ซึ่งเป็นงานรีเมคจาก Ditto ในปี 2000 หนึ่งในหนังขึ้นหิ้ง ตำนานคลาสสิคของเกาหลีที่ส่งให้สามนักแสดงหลัก ยูจีแท, คิมฮานึล และ ฮาจีวอน มีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างทันที
การนำมารีเมคโดยคงโครงพล็อตเดิมไว้ แต่ปรับรายละเอียดบทให้เข้ากับยุคสมัย ในบริบทของคนรุ่น MZ (การรวมเจน Millennial กับเจน Z เข้าด้วยกันตามแนวคิดเกาหลี) และปรับสลับตัวละครหลักเพื่อให้มีมุมต่างที่ชวนติดตามมากขึ้น
Ditto ประกอบด้วยสองเส้นเรื่อง ความรักกับมิตรภาพที่อยู่ต่างมิติเวลากัน แต่เกิดมาพาดเชื่อมโยงกันอย่างอัศจรรย์ด้วยวิทยุสมัครเล่น (HAM Radio) ที่สามารถส่งสัญญาณถึงกันได้ เชื่อมต่อระหว่างวิทยุของชายหนุ่มที่อยู่ในปี 1999 กับวิทยุของหญิงสาวที่อยู่ในปี 2022 ที่ต่างก็เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเดียวกัน
ฝ่ายชายในยุคอดีต คือ คิมยง (รับบทโดย ยอจินกู) เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล ของมหาวิทยาลัยเกาหลี (Korea University) รุ่นปีการศึกษา 1995 เขาเพิ่งกลับมาเรียนปี 3 ต่อหลังจากดร็อปไปทำหน้าที่ทหารรับใช้ชาติ เปิดเทอมมาก็เจอเรื่องดี ๆ เลย สะดุดรักแรกพบกับนักศึกษาน้องใหม่ ซอฮันซอล (รับบทโดย คิมฮเยยุน)
คิมยง มีโอกาสได้พา ซอฮันซอล ไปทัวร์ชมรมต่าง ๆ ก่อนที่เธอจะสะดุดใจให้กับชมรมนักวิทยุสมัครเล่นที่ตอนนี้ห้องชมรมถูกปิดไว้เพราะผู้ดูแลชมรมอย่าง คิมอึนซอง (รับบทโดย แบอินฮยอก) ที่เป็นเพื่อนสนิทของคิมยงมาตั้งแต่สมัยมัธยมนั้น ขาหักจากการตกบันได คิมยงจึงยืมเครื่องวิทยุของคิมอึนซองกลับบ้านไปเรียนรู้ หวังทำคะแนนเอาใจซอฮันซอลว่าตนก็เป็นนักวิทยุสมัครเล่นเช่นกัน
ส่วนฝ่ายหญิงในยุคปัจจุบันคือ คิมมูนี (รับบทโดย โจอีฮยอน) นักศึกษาปีหนึ่งคณะสังคมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเกาหลีประจำปีการศึกษา 2021 พ่อแม่ของเธอไปทำงานต่างประเทศ เธอจึงไปรื้อของเก่าเก็บได้เครื่องวิทยุของพ่อมาลองเป็นมือใหม่หัดเล่นแก้เหงา โดยเรียนรู้เองจากหนังสือคู่มือแนะนำ
ในคืนจันทรุปราคา เสียงสัญญาณเรียกขาน ‘CQ..CQ..CQ ได้ยินแล้วตอบด้วย..เปลี่ยน’ ของ คิมมูนี จึงถูกส่งมาที่เครื่องวิทยุของ คิมยง โดยต่างฝ่ายต่างมิได้เลยว่านี่คือการสื่อสารข้ามมิติเวลา!
ทั้งคู่เริ่มทำความรู้จักกัน และนัดเจอกันเพื่อแชร์หนังสือคู่มือที่หน้าหอประชุม แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางได้เจอหน้ากันหรอก และตอนนั้นเองที่ทำให้ความจริงแตกออกมาว่าพวกเขาอยู่กันคนละยุค ถึงจะดูแปลก ๆ และไม่น่าเชื่อ แต่ความคุยถูกคอประสาคนวัยเดียวกันก็ทำให้ความสัมพันธ์นี้ไปต่อ จากเรื่องสัพเพเหระไปถึงความฝัน คิมมูนียังช่วยแนะวิธีจีบสาวแก่คิมยง เปลี่ยนมือใหม่หัดจีบผู้เงอะงะให้กลายเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ด้วยเสื้อผ้าหน้าผมและความมั่นใจ พร้อมลุยไปตามหัวใจ หลังคิมยงพบว่าความรักที่มีต่อซอฮันซอลนี่แหละ คือเป้าหมายความฝันของตน
แม้ คิมมูนี จะเป็นที่ปรึกษาความรักที่ดีให้กับ คิมยง แต่เอาจริงเธอกลับยังไม่รู้ใจตัวเองดีว่าลึก ๆ แล้วมีความรู้สึกดี ๆ เกินคำว่าเพื่อนสนิท 7 ปีให้กับ โอยองจี (รับบทโดย นาอินอู) หรือไม่? เขามีใจคอยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างเธอเสมอทั้ง ๆ ที่ชีวิตตัวเองก็ยุ่งวุ่นวายกับการทำงานพาร์ทไทม์จนเกือบต้องทิ้งการเรียนแล้ว
แต่แล้วหัวข้อในการสนทนาหนึ่งระหว่าง คิมมูนี กับ คิมยง ก่อให้สัญญาณวิทยุและมิตรภาพของพวกเขาขาดผึงลง มันเป็นเรื่องราวชวนช็อคที่ทลายฝันของคิมยง ให้ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ผิดคาดพลิกทั้งกระดาน แล้วเขาจะจัดการชีวิตหลังจากนั้นอย่างไร ไปชมต่อกันเองได้เลยค่ะ
โดยพล็อตของเรื่องนี้มีดีในเรื่องการถ่ายทอดชีวิตหนุ่มสาวชาวมหาลัยได้ค่อนข้างเรียล เห็นทั้งการเรียน กิจกรรม ความกังวล และการดิ้นรนใช้ชีวิต รวมไปถึงมิตรภาพ ความรัก และความฝัน ที่ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็มิได้แตกต่างกันนัก เมื่อรวมกับเสน่ห์ในการใช้กิมมิคเรื่องการสื่อสารข้ามมิติเวลามาบิวด์มิตรภาพและบิวด์การสานฝันสานรัก ก็ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจเข้าไปอีก
ในขณะเดียวกัน กิมมิคนี้ก็เป็นตัวสร้างบทหักมุมที่เป็นไฮไลท์ของเรื่อง ส่งให้การบิวด์เรื่องต่าง ๆ ได้มีหนทางเดินหน้าต่อไปด้วยตัวของพวกเขาเอง และยังทิ้งข้อคิดนำมาเป็นกำลังใจให้คนดูได้ว่า ชีวิตคนเรายังอีกยาวไกล มีอะไรอีกมากให้พบเจอ ชีวิตมีหลายทางแยกเสมอ ในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องโชคดีอยู่ในนั้น การผ่านพ้นเรื่องยากลำบากจะทำให้ชีวิตคนเราแข็งแกร่งและเติบโตขึ้น อย่าละเลยสิ่งใกล้ตัวและคนข้างเคียงที่ดีกับเรา ท้ายสุด จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งก็คือ จงทำตามหัวใจ ซื่อสัตย์กับใจตัวเอง ด้วยความจริงใจเสมอ
ส่วนในเรื่องการย้อนยุคที่เลือกช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของรอยต่อสหัสวรรษใหม่ กลับชักไม่ค่อยตื่นเต้นนักแล้วสิเนอะ เพราะหลาย ๆ เรื่องได้นำไปใช้กันเยอะในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีฉากน่ารักที่ประทับใจผู้เขียนเป็นพิเศษคือ ตู้โทรศัพท์หน้าหอฯ ที่ครั้งหนึ่งเคยเฟื่องฟูต่อคิวรอโทร ยามกลายเป็นเพียงตู้เหงา ๆ ก็ยังช่วยให้สื่อสารถึงกันได้ โดยเขียนข้อความทิ้งไว้ตามผนังแทน ได้ใจดีค่ะ
โดยรวม ก็เป็นหนังดีที่ย่อยไม่ยาก สนุกเบา ๆ ได้สาระติดไม้ติดมือบ้าง นักแสดงน่าเอ็นดู รวมถึงมี ยูแจมยอง และ พัคฮาซอน มาร่วมแจมรับเชิญด้วย ถ้าเอาความรู้สึกของผู้เขียนที่เคยชมต้นฉบับปี 2000 มาก่อนเมื่อนานมาแล้ว ก็ยอมรับว่าไม่อิ่มไม่บีบหัวใจเทียบเท่าอันเดิม ด้วยเงื่อนไขที่ว่า ณ ตอนนั้น พล็อตนี้คือสดใหม่ตื่นตาตื่นใจดีมาก แต่พอมาถึงยุคนี้ เรื่องข้ามมิติเวลาได้กลายเป็นของจำเจเดิม ๆ ไปเสียแล้ว เลยอาจเสียเปรียบกว่า แต่ก็เข้าใจในมุมของการรีเฟรชที่ให้ความสดใสทันสมัยขึ้น เอาเป็นว่าแยกกันยืนในความคลาสสิคกับความร่วมสมัยดีกว่าละกัน
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡