และแล้ววันที่เหล่าเอ็นเฟีย (N.Fia ชื่อแฟนคลับ N.Flying) ชาวไทยรอคอยกว่า 3 ปีก็มาถึง เมื่อทั้ง 5 หนุ่มวงแบนด์มากความสามารถ อีซึงฮยอบ ชาฮุน คิมแจฮยอน ยูฮเวซึง และ ซอดงซอง แห่งวง N.Flying หอบเอาความมันส์บินลัดฟ้ามาให้หายคิดถึงตามสัญญา ในงาน 2022 N.Flying Live ‘Into The Light’ in Bangkok เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ อัลตร้า อารีน่า ชั้น 6 ศูนย์การค้าโชว์ ดีซี ด้วยฝีมือของผู้จัด A CHI ACTIVATION และ บริษัท CHAN ACTIVTION จำกัด
ทันทีที่ห้าหนุ่ม N.Flying เดินขึ้นมาประจำที่บนเวที วินาทีแห่งความสนุกก็ได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องต้อนรับจากเหล่าเอ็นเฟียผู้คิดถึง ซึ่งหนุ่ม ๆ ก็ได้ประเดิมความร้อนแรงด้วยเพลง The World is Mine ให้เหล่าแฟนคลับได้หยิบแท่งไฟสีทองโยกไปตามจังหวะ ก่อนจะตามมาติด ๆ กับเพลง R U Ready? ที่จุดไฟเร่งอุณหภูมิให้ฮอลล์ขึ้นอีกระดับ ทำเอาทุกคนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ลุกขึ้นมากระโดดไปด้วยกัน ก่อนจะต่อด้วยเพลง Endless Summer (Korean Ver.) ที่ทั้งสว่างและสดใสราวกับท้องทะเลในช่วงฤดูร้อน แค่เพียงช่วงแรกเท่านั้น แต่ทั้ง N.Flying และ เอ็นเฟีย ต่างก็ระเบิดความมันส์อย่างไม่มีใครน้อยหน้า จน อีซึงฮยอบ ลีดเดอร์หนุ่มถึงกับต้องร้องทักว่า “โอ้โห จะเอาตั้งแต่เพิ่งเริ่มกันเลยเหรอ?”
“สวัสดีครับ N.Flying ครับ ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานเลย มาไทยอีกครั้งในรอบ 3 ปี เรามาสวัสดีกันทีละคนดีไหมครับ”เมื่อการแสดงในช่วงแรกของคอนเสิร์ตสิ้นสุดลง เหล่าสมาชิกวง N.Flying ก็เริ่มแนะนำตัวกับแฟน ๆ ด้วยภาษาไทยสุดน่ารัก ตั้งแต่หัวหน้าวงสุดเท่ “สวัสดีครับผมชื่อ ซึงฮยอบ ครับ” ตามด้วยมือกีตาร์หน้าหวาน “สวัสดีครับผมชื่อชาฮุนครับ” แล้วก็ถึงคิวของมือกลองขี้เล่นที่เตรียมภาษาไทยสุดยาวเอาไว้ “ผม แจฮยอน ตีกลองใน N.Flying สวัสดีคร้าบ รักนะจุ๊บจู๊บ” เรียกเสียงกรี๊ดและความเอ็นดูจากบรรดาแฟนคลับอย่างล้นหลาม ตามมาติด ๆ กับนักร้องนำเสียงทรงพลัง “สวัสดีครับผมชื่อ ฮเวซึง ครับ” และปิดท้ายด้วยมือเบสน้องเล็ก “สวัสดีครับผมชื่อ ดงซอง ครับ” หลังจากแนะนำตัวเองกันเป็นที่เรียบร้อย อีซึงฮยอบ ก็ได้พูดทิ้งท้ายก่อนจะเริ่มต้นเพลงต่อไปกว่า “เอ็นเฟียของพวกเรา เรากลับมาในรอบ 3 ปีไม่ลืมพวกเราใช่ไหมครับ? เดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่า N.Flying คือใคร”
ทันใดนั้น ดนตรีของเพลง Awesome บทเพลงเดบิวต์ก็ดังกระหึ่มขึ้นมาพร้อมกับตัวตนสุดร้อนแรงของ N.Flying ที่ค่อย ๆ ไต่ระดับจนเหล่าเอ็นเฟียไม่อาจทนนั่งได้อีกต่อไป ทุกคนต่างพร้อมใจลุกขึ้นกระโดดไปพร้อมกับ 5 หนุ่มอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะสนุกต่ออย่างไม่มีพักกับเพลงใหม่ที่หลายคนตั้งตารอฟังสดอย่าง Monster ที่เปิดด้วยโทรโข่งแดงทรงพลังและ Video Therapy ที่มีดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์จนไม่ว่าใครก็ต้องโยกตาม
อีกหนึ่งความพิเศษของคอนเสิร์ต 2022 N.Flying Live ‘Into The Light’ in Bangkok ครั้งนี้คือ ไม่ใช่เพียงแค่คอนเสิร์ตในรอบ 3 ปีเท่านั้น หากแต่ยังเป็นคอนเสิร์ตแรกของ ซอดงซอง น้องเล็กของวงในฐานะสมาชิก N.Flying อีกด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เผยความรู้สึกว่า “สำหรับผมเมืองไทยคือครั้งแรกครับ กับพี่ ๆ วง N.Flying ผมตื่นเต้นมากจริง ๆ ครับ ตอนช่วงซ้อมผมได้เจอ เอ็นเฟีย แล้วรอบหนึ่ง ก็เลยทำให้ตอนนี้สนุกได้อย่างเต็มที่ และอยากให้ เอ็นเฟีย ร่วมสนุกให้เต็มที่ด้วยครับ” ก่อนที่ อีซึงฮยอบ จะพูดถึงความหมายของคอนเสิร์ตครั้งนี้ “เรากลับมากับธีม Into The Light สิ่งแรกที่อยากทำคือได้เล่นคอนเสิร์ตต่อหน้าทุกคนดังนั้นถ้าเราเข้าไปในแสงสว่างได้ ณ ที่นั้นก็คือคอนเสิร์ต และจุด ๆ นั้นก็มีกรุงเทพฯ อยู่ด้วยครับ”
แล้วจากนั้น เพลงสุดน่ารักอย่าง Blue Scene ที่หนุ่ม ๆ เอ่ยปากบอกว่าร้องทีไรก็รู้สึกคิดถึงแฟน ๆ ที่กรุงเทพนั้นก็ดังขึ้นมาเสกบรรยากาศสุดสดใสโรแมนติกไปทั่วทั้งฮอลล์ ก่อนจะสนุกกันต่อกับเพลง Preview และ I Like You ที่ทำให้เหล่าเอ็นเฟียลุกขึ้นมากระโดดกันอีกครั้ง “สนุกไหมครับ? เพลงเหล่านี้เป็นเพลงที่โชว์ว่าเราคิดถึงเมืองไทยมากแค่ไหน” ยูฮเวซึง กล่าวคำพูดสุดซึ้งหลังจากที่เพลงสุดสนุกจบลง
“ก่อนจะมาเมืองไทยเราได้เข้าร่วม Concert Festival ต่าง ๆ มากมายที่เกาหลี ทำให้เราเล่นสดได้แน่นขึ้น มาถึงเพลงต่อไปเป็นเพลงที่ทำให้นึกถึงพลังงานเวลาที่อยู่บนเวที Festival ต่าง ๆ นะครับ” อีซึงฮยอบ กล่าวขึ้นก่อนที่ N.Flying จะเนรมิตงานคอนเสิร์ตธรรมดาให้กลายเป็นงานเทศกาลดนตรีสุดสนุกในคอนเสิร์ต ผ่านบทเพลงสุดน่ารักที่มีจังหวะชวนโยกตามอย่าง You งานนี้หนุ่ม ๆ ถูกเอ็นเฟียชาวไทยเซอร์ไพรส์กลับด้วยการชูแบนเนอร์ที่มีข้อความกินใจอย่าง “우리는 서로에게 80살까지 빛이 되는 거야” (เราต่างก็จะเป็นแสงที่ส่องสว่างให้แก่กันไปจนอายุ 80 ปี) ทำเอาทั้ง 5 คนทั้งเซอร์ไพรส์และซึ้งไปตาม ๆ กัน
จากนั้นเสียงรัวกลองของ คิมแจฮยอน ในเพลง Leave It ก็ดังขึ้นมาพร้อมเผยเสน่ห์สุดเท่บนเวทีที่ละลายตาไม่ได้ และดนตรีสุดมันส์ชนิดที่ว่าใครก็ไม่อาจต้านได้ก็ดึงทุกคนให้ลุกขึ้นมากระโดดกันสุดพลัง ตามติดด้วยเพลง Pardon? ที่หนุ่ม ๆ ต่างก็วิ่งวุ่นกันทั่วทั้งเวที นอกจากนี้ ซอดงซอง มือเบส กับ ชาฮุน มือกีตาร์ เองก็ประชันฝีมือกันอยู่ข้าง ๆ คิมแจฮยอน มือกลอง แบบไม่มีใครยอมใครอีกด้วย
พูดถึงโปรเจกต์สุดพิเศษที่เหล่าเอ็นเฟียไทยทำให้ อีซึงฮยอบ กล่าวแซวแฟน ๆ ด้วยความเอ็นดูว่า “ปกติแล้วเค้าต้องโชว์กันตอนเพลงสุดท้ายไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมมันถึงขึ้นมาก่อนล่ะครับ? เพราะเป็นเซอร์ไพร์สสินะครับ” เรียกเสียงขำจากแฟน ๆ ที่นั่งอยู่ทั่วฮอลล์ ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวก่อนมา Into The Light Tour นี้ ที่พวกเขาได้เคยส่งภาพท้องฟ้ายามราตรีมามอบเป็นกำลังใจให้เหล่าแฟนคลับ “พอพูดถึงท้องฟ้าเมืองไทย แล้วแฟน ๆ ทำโปรเจ็คท์นี้ให้ เลยอยากขอบคุณที่เป็นดวงดาวที่สวยงามให้กับพวกเรานะครับ ทุกครั้งที่มาเล่นสดที่เมืองไทย ลืมไม่ลงจริง ๆ วันนี้มาทำให้เป็นค่ำคืนที่ลืมไม่ลงกันเถอะนะครับ”
เมื่อพูดถึงค่ำคืน ก็ถึงเวลาของเหล่าบทเพลงที่ทั้งหวานทั้งเศร้าทั้งเหงาและซึ้ง ควรค่าแก่การฟังในยามราตรี เริ่มจาก GOOD BAM เพลงสนุกสนานว่าการมีคืนที่สุขมากจนยากที่จะหลับใหล แล้วต่อด้วยเพลงเหงา ๆ อย่าง Fate ก่อนจะตอกย้ำกับอีกขั้นด้วยเพลงอกหักอย่าง Sober และมาจบที่เพลง Autumn Dream เรียกได้ว่าเซ็ตเพลงเหล่านี้เป็นเพียงไม่กี่ช่วงของคอนเสิร์ตเท่านั้นที่ปล่อยให้แฟน ๆ ได้นั่งพัก ดื่มด่ำไปกับดนตรีดี ๆ และเนื้อเพลงกินใจ หลังจากกระโดดกันอย่างต่อเนื่องไม่มีใครยอมใคร
“มีสิ่งที่เราเตรียมมาเกือบ 3 ปีแล้ว ตอนนั้นเป็น Up All Night Tour ครั้งนี้กลับมากับ Into The Light เราคิดหนักมากเลยว่าจะหาเพลงไหนมาเป็นของขวัญให้ เอ็นเฟีย ดี? เพลงนี้เตรียมมาเพื่อทำให้ เอ็นเฟีย ไทยละลายกันไปเลย คิดว่า เอ็นเฟีย น่าจะรู้จักเพลงนี้กันหมดนะครับ งั้นไปฟังกันเลยครับ” ยูฮเวซึง พูดเกริ่นขึ้นมา ก่อนจะเชิญชวนด้วยภาษาไทย “ร้องด้วยกัน”
แล้วเซอร์ไพรส์สุดพิเศษที่หนุ่ม ๆ N.Flying ได้เตรียมไว้มอบให้แด่ที่ประเทศไทยเท่านั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้น กับบทเพลงคัฟเวอร์ ชอบตัวเองตอนอยู่กับเธอ ของ Billkin ที่ได้ ยูฮเวซึง มาร้องนำ ถ่ายทอดความรู้สึกเป็นภาษาไทยสุดชัด ในขณะที่ อีซึงฮยอบ ผันตัวมาดีดกีตาร์ เป็นภาพสุดเท่ที่ตราตรึงหัวใจ และเมื่อศิลปินรวมถึงแฟนคลับร่วมร้องเพลงคลอไปด้วยกัน ก็กลายเป็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักของ N.Flying และ เอ็นเฟีย เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อจบเพลง อีซึงฮยอบ ถามว่า“ทุกคนรู้จักเพลงนี้กันใช่มั้ยครับ? เนื้อเพลงประมาณว่า ฉันชอบตัวเองเวลาที่อยู่กับเธอ คิดว่า เอ็นเฟีย น่าจะชอบ เลยเตรียมเพลงนี้มาครับ” ต่อจากนั้น หนุ่ม ๆ ก็เริ่มเผยความในใจต่อหน้า เอ็นเฟีย ทีละคน โดยเริ่มจาก ชาฮุน ที่ตอบคำถาม ‘คิดว่าตัวเองเป็นอย่างไรตอนอยู่กับ เอ็นเฟีย’ ว่า “ผมไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองขนาดนั้นน่ะครับ แต่ขอบคุณ เอ็นเฟีย ที่ทำให้ผมมีความมั่นใจมากที่สุดในโลกเลยครับ” ทางด้านของแจฮยอน มือกลองอารมณ์ดีก็ยังไม่พลาดที่จะเรียกเสียงหัวเราะ จากคำตอบที่ว่า “สำหรับผมแค่ถุงพลาสติกปลิวไปตามสายลมผมก็ยังขำได้ แต่เวลาที่เห็น เอ็นเฟีย มันยิ่งกว่าเห็นถุงพลาสติกครับ ทำให้ยิ้มตลอดเวลา ทุกๆ คนทำให้ผมยิ้มไม่หยุดเลยครับ” ต่อด้วย ซอดงซอง กับคำตอบสุดหวาน ทำเอาเหล่าเอ็นเฟียใจละลาย “ได้ยินเสียงหัวใจของผมมั้ยครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะได้ยินกันหรอกครับ เพราะหัวใจของผมมันอยู่ข้างหน้าโน้น”
ก่อนที่ อีซึงฮยอบ จะปิดท้ายว่า “ทุกคนสุดยอดมากเลย พวกเราเปล่งประกายมากที่สุดก็ตอนอยู่กับ เอ็นเฟีย นี่ละครับเรารักเมืองไทยเสมอ เราจะกลับมาเรื่อยๆ จนกว่าจะอายุ 80 เลย สัญญาครับ พวกเราก็จะรักษา เอ็นเฟีย จนถึงที่สุด” ยูฮเวซึง บอกก่อนเริ่มเพลงว่า “เดี๋ยวจะโชว์พลังที่อั้นไว้ 3 ปีให้ได้ดูกันนะครับ”
มาสู่ช่วงที่เดือดที่สุดของคอนเสิร์ต เมื่อ N.Flying ขนเอาเพลงสุดมันส์มาเสิร์ฟอย่างจุใจ ไล่มาตั้งแต่ Up All Night ที่มีจังหวะชวนโยก จนถึงเพลง 4242 กับ The Real ที่เปิดโอกาสให้หนุ่ม ๆ ทั้ง 5 ได้ปล่อยของโชว์ความสามารถที่บ่มเพาะมาอย่างดี แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า ตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมานั้น N.Flying ได้เติบโตมาอย่างดี กลายเป็นวงดนตรีที่น่าภาคภูมิใจ และอีกช่วงสำคัญที่พลาดไม่ได้ เมื่อ อีซึงฮยอบ และ ยูฮเวซึง กระโดดลงมาจากเวที วิ่งลงมากระทบไหล่แฟน ๆ ถึงที่นั่ง เรียกเสียงกรี๊ดจากเอ็นเฟียชาวไทยอย่างล้นหลาม การันตีความเซอร์วิสจัดเต็มทุกครั้งสมคำล่ำลือ
อย่างที่ทราบกันดี เวลาแห่งความสุขนี้ผ่านไปไวเสมอ และแล้วก็มาถึงช่วงสุดท้ายของงานคอนเสิร์ต 2022 N.Flying Live ‘Into The Light’ in Bangkok ที่หนุ่ม ๆ ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมพาทุกคนกระโจนเข้าสู่ช่วงอังกอร์ไปกับเพลง Just One Day ที่แฟนๆ พร้อมใจกันชูเบรนเนอร์ที่พิมพ์ข้อความว่า “만나지 못하면서도 기억해줘 함께 했던 시간들” (ช่วงเวลาที่ไม่ได้พบกันก็ช่วยจดจำช่วงเวลาที่เคยมีร่วมกันไว้ด้วยนะ) อีซึงฮยอบ เห็นแล้วก็บอกว่า“จากข้อความในเบรนเนอร์ที่ว่า ให้คิดถึงกันตอนไม่ได้อยู่ด้วยกัน อันนี้ผมว่ามันใช้ไม่ได้นะครับ เพราะว่าทุกคนอยู่ในใจของพวกเราตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกว่าช่วยคิดถึงหน่อย แต่เรามาอยู่ด้วยกันไปนานๆ เลยนะครับ”
หลังจากนั้น N.Flying ก็ได้ร่วมถ่ายภาพกับเหล่าเอ็นเฟียชาวไทย เพื่อบันทึกความประทับใจเอาไว้ในความทรงจำ ก่อนจะเผยความในใจสุดท้ายก่อนร่ำลา
เร่ิมที่หนุ่มมือเบส น้องเล็กของวงอย่าง ซอดงซอง ที่เผยว่า “วันแรกที่พวกเรามาถึง ผมได้พูดไปตอนวันแถลงข่าวว่ามาเล่นคอนเสิร์ตในรอบ 3 ปีที่เมืองไทย มีเพลงที่อยากจะร้องให้ฟังเยอะมากแต่ด้วยข้อจำกัดของเวลา พวกเราจะกลับมาอีกบ่อยๆ เพื่อที่จะร้องเพลงที่ยังไม่ได้เล่นและเพลงที่จะปล่อยออกมาอีกในอนาคตนะครับ”
ต่อด้วยเมนโวคอลสุดแกร่ง ยูฮเวซึง ” เอ็นเฟีย ของพวกเรา นับวันรอเลยครับว่าจะได้เจอกันแบบนี้เมื่อไหร่ ทุกโมเมนต์ตอนเล่นคอนเสิร์ต เล่นไปก็คิดไปว่าไม่อยากให้เวลาแบบนี้ผ่านไปเลย วันนี้เป็นวันที่มีค่าและมีความหมายมากๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ภาพ เอ็นเฟีย ที่คอยยิ้มต้อนรับเหมือนเดิมแบบนี้ มีค่ามากสำหรับพวกเรา เรามาเจอกันไปอีกนานๆนะ….รักนะครับ”
ตามมาด้วยกับมือกลองผู้อ่อนน้อม คิมแจฮยอน ที่เอ่ยขอบคุณทุกฝ่ายอย่างน่าเอ็นดู “เมื่อวานที่แถลงข่าว ผมได้บอกไปว่าวันนี้อุณหภูมิเมืองไทยจะร้อนขึ้นประมาณ 2 องศา แต่ผมรู้สึกว่าวันนี้อุณหภูมิมันเพิ่มขึ้นประมาณ 15 องศาแน่ๆ! ผมขอขอบคุณครอบครัว FNC ที่ลำบากกับพวกเรามาตั้งแต่อยู่ที่เกาหลี ขอบคุณสต๊าฟไทยที่ทำให้พวกเราได้มาเจอกับ เอ็นเฟีย ไทยในวันนี้ ขอบคุณล่าม (คุณยูคอนยอง) ด้วยนะครับ และขอบคุณเมมเบอร์ของพวกเราที่ซ้อมกันแบบไม่ได้หลับได้นอนเพื่อเตรียมคอนเสิร์ตในวันนี้ และรัก เอ็นเฟีย มากๆ ขอบคุณครับ”
ก่อนจะถึงคิว ชาฮุน มือกีตาร์มาดนิ่งผู้มักจะมาพร้อมคำพูดน่ารักและกินใจเสมอ “เมื่อวานช่วงแถลงข่าว มีคำภาษาไทยที่ผมรู้มาโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าผมจะพูดถูกรึเปล่านะครับ ‘คิดถึงมาโดยตลอดครับ’ เป็นคำที่อยากจะบอกจริง ๆ พวกเรามาเมืองไทยในรอบ 3 ปี เสียงกรี๊ดและการต้อนรับบนเวทีที่ร้อนแรงแบบนี้เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่แล้วมันดูดีขึ้นเยอะเลย นั่นทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่พวกเราอย่างเดียวที่คิดถึง แต่ เอ็นเฟียไทย ก็คิดถึงพวกเรามาก ๆๆ เช่นกัน ทำให้รู้สึกได้จริง ๆ สงสัยต่อไปต้องมาบ่อย ๆ แล้วครับ ขอบคุณที่สร้างความทรงจำที่สวยงามแบบนี้ให้ รักจริง ๆ นะครับ”
และจบด้วยพี่ใหญ่สุด อีซึงฮยอบ ที่กล่าวปิดท้ายพร้อมให้คำมั่นสัญญา “ขอบคุณมากๆ นะครับ เอ็นเฟียไม่ใช่เฉพาะ เอ็นเฟียไทยเท่านั้น ผมรู้อยู่นะครับว่ามี เอ็นเฟีย มาจากหลายที่ พวกเราจะไปหา เอ็นเฟีย ที่อยู่ทั่วโลกเลย เรามาเจอกันไปอีกนาน ๆ นะครับ ขอเสียงปรบมือให้กับทีมงานที่มาเตรียมงานแต่เช้าด้วยครับ N.Flying ก็จะพัฒนาต่อไป ทั้งในเรื่องเล่นสด และงานเพลง ส่วน เอ็นเฟีย ก็สู้ ๆ ด้วยนะครับ Fighting… เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ รักมาก ๆ จริง ๆ ครับ ไปกันเถอะ”
แล้ว Rooftop เพลงยอดนิยมที่ได้สร้างตำนานมากมายให้แก่วง N.Flying ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องของ เอ็นเฟีย ที่ดังก้องทั่วทั้งฮอลล์ไม่แพ้ศิลปิน ก่อนจะถึงเพลงสุดท้ายจริง ๆ ตามคำเรียกร้องของเหล่าแฟนคลับที่ไม่อยากไปง่าย ๆ กับเพลงที่เคยสร้างความประทับใจไว้แล้วในคอนเสิร์ตครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้เองก็เช่นกันกับเพลง Don’t Forget This ที่ระเบิดความสนุก ปลดปล่อยทุกความคิดถึงที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ และแม้ทำนองจะสนุกสนาน แต่ความหมายของเพลงนี้นั้นช่างซึ้งกินใจ ตอกย้ำถึงความทรงจำดี ๆ ที่ทั้ง N.Flying และ เอ็นเฟีย ที่ได้สร้างไว้ด้วยกันว่า ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็จะไม่มีทางลืมเลือนมัน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย แต่เราจะกลับมาสนุกอย่างนี้ไปด้วยกันตราบจนอายุ 80 ปี ตามคำที่เคยสัญญา
ก่อนจะจบค่ำคืนสุดแสนพิเศษที่ทั้ง N.Flying และ เอ็นเฟีย ชาวไทยต่างเฝ้าคอยมานาน ด้วยการให้เหล่าแฟน ๆ ขึ้นไปโบกมืออำลาศิลปินที่รักบนเวทีอย่างใกล้ชิด เป็นการปิดท้ายช่วงเวลาดี ๆ อย่างไม่มีวันลืม
นับเป็นการแสดงคอนเสิร์ทั้งสนุกสุดมันส์จนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ทั้งหวานและซาบซึ้ง สร้างความประทับใจจนลืมไม่ลง ทำให้ 2022 N.Flying Live ‘Into The Light’ in Bangkok ในครั้งนี้ครบทุกรสชาติและล้ำค่าในทุกวินาทีที่ได้ใช้ร่วมกันจริง ๆ ค่ะ แล้วมาสนุกไปด้วยกันในงานคอนเสิร์ตแบบนี้อีกไปจนอายุ 80 ปีเลยนะคะ N.Flying 💙✈️
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡
