ครั้งแรกที่จะได้เห็นหนังซากึกโครยอรวมมิตรกับหนังไซไฟเอเลี่ยน
หนังแอ็คชั่นโรบอตรวมมิตรกับหนังจอมยุทธเซียนเต๋า
เขย่าความสนุกสนานเข้ากั๊นเข้ากันอย่างเหลือเชื่อ
โชว์ฟอร์มยักษ์ด้วยโปรดัคชั่นตระการตา ดาราโดนใจ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
Alienoid เป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ ผู้กำกับชเวดงฮุน ผู้หยิบจับงานไหนก็ออกมาปัง ประสบความสำเร็จและมีผู้ชมล้นหลามทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Assassination (2015), The Thieves (2012), Jeon Woo-chi: The Taoist Wizard (2009), Tazza: The High Rollers (2006) และ The Big Swindle (2004) ซึ่งมักจะเป็นงานแนวสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ แอ็คชั่น อาชญากรรม แฟนตาซี หรือหนังโจรกรรมแนว Heist/Caper
มาเรื่องนี้เขาฉีกแนวท้าทายด้วยการผสมผสานหลาย Genre ตั้งแต่ไซไฟ แอ็คชั่น คอมเมดี้ แฟนตาซี บนพล็อตผจญภัยที่สานจินตนาการวัยเด็กของเขาในเรื่องเอเลี่ยน เข้ากับเนื้อหาวัฒนธรรมดั้งเดิมเกาหลี ผ่านการเดินทางข้ามเวลาควบโลกคู่ขนาน เพื่อการล่านักโทษเอเลี่ยนและตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบอกได้เลยว่า ว้าว! แปลกใหม่สุดๆ!
แค่เขียนเฉย ๆ ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะยำเครื่องรวมรสกันในท่าไหน หลังดูจบก็บอกได้เลยว่าสนุกตื่นตาตื่นใจดีค่ะ แต่ไม่น่าเชื่อว่าผลตอบรับในเกาหลีกลับไม่ค่อยฮือฮานักเมื่อเทียบกับสิ่งที่ทุ่มเทลงไป ไม่รู้ว่าเพราะมันแปลกสับสนวุ่นวายเกินไปหรือไม่ เอาเป็นว่าขอแนะนำให้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองดีกว่า ดูจบแล้วอาจต้องอุทาน อ้าว! แทบตกเก้าอี้ เพราะมีต่อภาคสองค่ะ รอปีหน้า โอ๊ยใจจะขาด!
อันดับแรกเลยที่ต้องเตรียมตัวคือ หนังยาวสองชั่วโมงกว่า และเรื่องราวแน่นซับซ้อน สลับช่วงมิติเวลาไป ๆ มา ๆ และอาจมีการซ่อนปมของลำดับเวลาบ้าง ซึ่งแรก ๆ ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่จริง ๆ แล้วเกี่ยวโยงพันตูนัวเลย ระหว่างการจัดการนักโทษเอเลี่ยนและการตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ในคนละโลกมิติเวลา ต้องเก็บรายละเอียดดี ๆ แทบทุกไดอาล็อกมีที่มาที่ไป จะได้ปะติดปะต่อเรื่องที่จะเฉลยภายหลังได้อย่างทะลุปล้อง และเชื่อว่าหลายอย่างจะถูกนำไปขยายหรือเฉลยต่ออีกในภาคสองแน่นอน
เมื่อเอเลี่ยนจากต่างดาวมีมาตรการส่งนักโทษของเขามาจองจำไว้ในร่างมนุษย์บนโลกมาช้านาน ฝังลึกไว้ในจิตหรือสมอง โดยเจ้าของร่างก็ไม่รู้ตัว แบบว่ากะขังลืมชั่วกาลนานเลย เขาเรียกพวกนี้ว่า ‘พาโร’ แต่ทว่าก็ยังมีพาโรที่แหกคุกได้บ้างนาน ๆ ที ด้วยว่าอาจฟื้นได้สติขึ้นมาเองหรือถูกกระตุ้นให้รู้ตัวตื่นขึ้นมา หรือที่คุมขังไม่แข็งแรงพอ ซึ่งก็คือจิตมนุษย์ที่ปฏิเสธการฝังเอเลี่ยนลงไปนั่นเอง
เอเลี่ยนคือผู้ร้ายของเรื่อง มาปรากฏตัวในรูปลักษณ์เก้งก้างพิศดาร งอกหนวดยาว ๆ ทรงพลังได้มากมายออกจากร่าง กลุ่มผู้ร้ายมีตัวการใหญ่คือผู้นำกองกำลังซึ่งอยู่ในสถานะพาโร และลูกน้องสายแข็งที่จงรักภักดีออกตามหา เพื่อเป้าหมายในการทำให้โลกใบนี้เป็นที่อยู่ใหม่ ด้วยการแพร่กระจาย ‘พลัง Haava’ ลูกฝุ่นสีส้มก้อนกลมเล็ก ๆ มากมายที่มีพลังปรมาณู สามารถเปลี่ยนบรรยากาศโลกให้เป็นแบบเดียวกับดาวของพวกมันด้วย มนุษย์จะอยู่ไม่รอดในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังนี้ แต่พาโรจะถูกปลดปล่อยออกมาครองโลก
ผู้พิทักษ์การจองจำนี้คือ Guard (รับบทโดย คิมอูบิน) เป็นโรบอตสู้รบที่เก่งกาจ นิสัยออกเย็นชาตามวิสัยหุ่นยนต์ที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องมนุษย์ เขามีหน้าที่รับนักโทษส่งเข้าคุกที่ก็คือในร่างมนุษย์ และตามจับพาโรแหกคุกมาขังพิเศษ ซึ่งเทอมการปฏิบัติงานของเขาจะสิ้นสุดในอีก 10 ปี 8 เดือนข้างหน้า (นับจากปี 2012) เมื่อมีเจ้าหน้าที่ใหม่มาแทน
Guard มีผู้ช่วยเป็นโรบอตโดรนตัวเล็ก ๆ ขี้เล่นอารมณดี ชื่อว่า Thunder (โดยนักแสดงเสียง คิมแดมยอง) ซึ่งเปลี่ยนร่างได้หลายฟอร์ม เป็นรถคันแกร่งที่พาเหาะฝ่าประตูมิติเวลาได้ เป็นโปรแกรมสื่อสารจากศูนย์บัญชาการได้ หรือแปลงร่างเป็นคนก็ได้ ซึ่งก็หน้าตาเดียวกับ Guard คนข้างตัวแหละ เขาจึงมักอ้างตัวว่าเป็นคู่หูมากกว่าผู้ช่วย
เป็นที่ดี๊ด๊ามากที่เราจะได้ดูคิมอูบินใน 2 คาแรคเตอร์ฮีโร่ ทั้งน่ารักฮา ๆ และเท่เป็นที่สุด (หรือบางเวลาก็มีหลายคาแรคเตอร์มากกว่านั้นให้เป็นโบนัส) ในฐานะแฟนคลับคิมอูบิน บอกเลยว่าฟินมากค่ะ!
ในการทะลุมิติจากปี 2012 ไปปี 1930 ยุคโครยอ เพื่อจัดการนักโทษแหกคุกรายหนึ่ง Thunder ได้นำทารก ลูกของร่างคุก (มนุษย์) ที่ถูกกำจัดกลับมาด้วย เพราะรู้สึกคุ้น ๆ ว่าในภาพนิมิตนั้น Guard จำต้องทำหน้าที่พ่อจำเป็น แต่ก็เลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เติบโตขึ้นมาได้มาอย่างดี แถมยังเก่งและฉลาดเกินคนปกติด้วย โดยได้ตั้งชื่อเด็กน้อยว่า อีอัน (รับบทโดย ชเวยูรี) ซึ่งเธอก็คอยอยากรู้ที่มาของตัวเองและชีวิตลับของพ่อมาตลอด
เรื่องในอีกมิติ เกิดในปี 1931 ยุคโครยอเช่นเดิม มูรึก (รับบทโดย รยูจุนยอล) หนุ่มนักล่าเงินรางวัลนำจับ เขามีวิชาพลังภายในแบบพรตเต๋าผิว ๆ ให้พอคุยโม้ได้บ้าง และยังมีพัดวิเศษติดตัว เป็นพัดที่มีภูตแมวสองตัวอาศัยอยู่ เรียกออกมาเป็นร่างแมวหรือเป็นร่างคนก็ได้ แต่เพราะมิใช่พัดของเขาจริง ๆ เขาจึงยังดึงดาบที่ฝังอยู่ในนั้นไม่ออกสักที (พัดมีที่มา ติดตามต่อได้ในเรื่อง)
มูรึก ได้เบาะแสของ ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์‘ ที่มีรางวัลสูงสุดจูงใจจากชายแก่ที่มีชื่อว่า อึหมา (รับบทโดย คิมคีชอน) เขาจึงเริ่มต้นเข้าสืบเรื่องนี้ ด้วยการออกเสาะหาอดีตเจ้าเมือง (รับบทโดย ยูแจมยอง) ผู้ครอบครองมีด แต่ถูกชายปริศนาชุดสูทฆ่าและแย่งมีดไปต่อหน้าต่อตา การติดตามเบาะแสของชายคนนี้ทำให้เขาได้พบกับผู้หญิงปริศนา อีอัน (รับบทโดย คิมแทรี) ที่มีเป้าหมายตามล่ากลุ่มผู้ครอบครองดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้เช่นกัน การตระเวนผจญภัยล่าดาบศักดิ์สิทธิ์พาพวกเขาไปถึงวัดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งนักบวชในวัดเป็นนิกายลึกลับแนวหมอผีสวมหน้ากาก ที่มีหัวหน้านักบวชคือ จาจัง (รับบทโดย คิมอึยซอง)
ในกระบวนการตามล่าดาบศักดิ์สิทธิ์นี้ ก็ยังมีสองกูรูเต๋าฉายา ‘หิมะสีนิล’ และ ‘ก้อนเมฆสีคราม’ ผู้มีอิทธิฤทธิ์แห่งเขาซัมกัก ที่มีชื่อจริงว่า ฮึกซอล (รับบทโดย ยอมจองอา) และ ซองอุน (รับบทโดย โจอูจิน) เขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทของท่านเจ้าเมือง ทำให้เข้ามาร่วมคลุกคลีตีโมงความวุ่นวายนี้ด้วย คู่นี้เข้าหาท่านหัวหน้าจาจังที่วัดด้วยการเสนอขายของวิเศษต่าง ๆ แม้จะไม่ได้ผล แถมยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่หนึ่งในของวิเศษนั้นก็ได้ทำหน้าที่สำคัญของมันในภายหลัง ผู้เขียนขอยกให้คู่นี้เป็นจอมขโมยซีนของเรื่องเลย เล่นได้ฮาท้องแข็งกันเลยเชียว
ในส่วนของดาบศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นดาบสั้นสองคมที่มีประกายเพชรสีฟ้าแวววับ เป็นตัวกำเนิดพลังอมตะ ฆ่าคนไม่ตาย ในโลกปัจจุบันก็จะเห็น Guard ใช้เป็นเครื่องมือต่อกรกับเอเลี่ยน เห็นเอเลี่ยนใช้เป็นตัวปลุกพาโรให้มีพลังตื่นจากคุกได้เอง นอกจากนี้ยังเป็นตัวพาเดินทางข้ามมิติเวลาได้ด้วยแบบเป็นโลกคู่ขนาน
ในระหว่างที่เรื่องราวยุคโครยอดำเนินไป ก็จะมีคั่นสลับฉากเป็นระยะ ๆ ด้วยเรื่องราวของโลกปัจจุบันปี 2022 ในการส่งนักโทษลงมาจองจำในโลกมนุษย์ล็อตใหญ่ มีจุดหมายที่โรงพยาบาล หนึ่งในคนไข้ที่มาใช้บริการ คือ สายสืบมุนโดซอก (รับบทโดย โซจีซอบ) ก็จำต้องกลายเป็นคุกให้เอเลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว และต่อมาเอเลี่ยนในตัวเขาก็แหกคุก ในขณะที่มียานเอเลี่ยนฝ่ายร้ายบุกมาด้วย ร้อนให้ทีมผู้พิทักษ์มาจัดการ กลายเป็นฉากแอ็คชั่นประจัญบานที่ตื่นเต้นเร้าใจมาก และจุดเปลี่ยนแปลงเรื่องราวให้วิกฤต เพราะตัวการใหญ่ถูกปลุกให้ตื่นแหกคุกนะสิ ชวนติดตามความพีคในลำดับต่อไป การคลี่คลายและเฉลยปม รวมทั้งการทิ้ง Bomb ปมใหญ่ ให้ตั้งตารอภาคสองเลยค่ะ
นอกจาก คิมอูบิน และคู่กูรูเต๋าที่ผู้เขียนชื่นชอบยิ่งแล้ว ก็ยังมี รยูจุนยอล ที่เล่นได้นสนุกออกรส แนวเก่งแบบเกรียน ๆ ฮา ปล่อยมุกรัว ๆ ในฐานะแฟนคลับ (อีกครั้ง) ขอบอกว่าไม่ดูคือพลาด น่ารักเป็นที่สุด แค่ท่าเรียกพลังภายในก็ขำเอ็นดูเหลือเกิน ส่วน คิมแทรี นั้น บทเก่งกล้า บู๊เท่ และฉลาด เข้าทางคาเรคเตอร์คุณหนูนักสู้ที่เคยประทับใจจากงานซีรีส์เรื่องอื่นสุด ๆ รวมถึง โซจีซอบ ในบทหน้านิ่งแต่เปี่ยมพลังอินเนอร์มาก ชวนขนลุกเลย นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายนักแสดงสมทบหรือรับเชิญ เช่น อีฮานี จอนยอบิน อ๊กจายอน คิมแฮซุก ชิมดัลกี ยุนคยองโฮ มาร่วมสร้างสีสันอีกด้วย
งานโปรดัคชั่นคืออลังการ ภาพดี ซาวน์เยี่ยม ซีจีคุณภาพจัดเต็มมาก หลายฉากฟอร์มยักษ์ตระการตาดี ด้วยทุนสร้างสามหมื่นกว่าล้านวอน (มากกว่า 800 ล้านบาท) เนรมิตฟิลหนังแอ็คชั่นหุ่นยนต์หรือสงครามจักรวาลแบบฮอลลีวู้ดที่คุ้นตา หลายฉากหลายไดอาล็อกก็ดูจะล้อ ๆ กันอยู่นะ ในขณะที่ก็สามารถได้ความสนุกสนานอีกฟิลในแนวของหนังแอ็คชั่นคอมเมดี้แบบฮ่องกงด้วย ใครที่เคยเป็นแฟนหนังยุค โจวชิงสือ หรือแฟนหนังผู้กำกับ จอห์นวู ต้องดูแล้วอมยิ้มแน่นอน ส่วนตัวแล้วคิดว่าบันเทิงดีมากค่ะ นี่ถ้าตีตั๋วไปดูจะบอกว่าคุ้มเหลือคุ้มเลยแหละ
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡