ในที่สุด Money Heist: Korea – Joint Economic Area หรือ ทรชนคนปล้นโลก: เกาหลีเดือด ซีรีส์รีเมคซีรีส์สัญชาติสเปนชื่อดัง ก็ได้เปิดฉากการปล้นครั้งประวัติศาสตร์ในแบบฉบับเกาหลีอย่างเป็นทางการ ตลอด 6 ตอนที่ได้ปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อยในพาร์ทแรกที่เรียกได้ว่าเป็นปฐมบทของการปล้น ผู้เขียนได้เทใจให้กับการแทรกความเป็นเกาหลีเข้าไปอย่างแยบยลของบทสำหรับเวอร์ชั่นนี้มาก และขอบอกก่อนเลยว่าผู้เขียนไม่เคยดูต้นฉบับมาก่อนแต่อย่างใด การรีวิวนี้จึงจะเป็นความคิดเห็นสำหรับคนที่เพิ่งดูซีรีส์นี้เป็นครั้งแรกเท่านั้น
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ 2 ประเทศที่ถูกแยกขาดออกจากกันมาเนิ่นนานนับ 70 ปี จนความฝันเรื่องการร่วมชาติถูกลบเลือนจางหายไปตามกาลเวลา แต่แล้ววันหนึ่งในปี 2025 กลับมีประกาศจากทางการว่าทั้ง 2 ประเทศจะมีการสร้างเขตเศรษฐกิจร่วม (Joint Economic Area) มีการผลิตสกุลเงินเดียวกัน คนจากทั้ง 2 ประเทศสามารถสัญจรไปมาหาสู่กันได้อย่างเสรี มีการสนับสนุนทางเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน และจะมีการสร้าง ‘โรงกษาปณ์’ ขึ้นมาเผื่อผลิตเงินที่ถูกใช้ร่วมกันอีกด้วย
แต่เพราะการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วย่อมมีคนที่ตามไม่ทันและถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ช่องว่างระหว่างชนชั้นหรือที่เรียกว่าความเหลื่อมล้ำทางสังคมจึงทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ความฝันเรื่องการรวมชาติที่ถูกวาดไว้อย่างสวยหรูกลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ใครหลายคนคิด ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดขึ้นในวันที่ทั้ง 2 ประเทศได้รวมชาติกันแล้ว คลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดก็ได้เกิดขึ้นโดยฝีมือของ ศาสตราจารย์ (รับบทโดย ยูจีแท)
โดยเขาได้เดินทางรวบรวมเหล่าโจรจากทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้เพื่อทำการใหญ่ให้จารึกในหน้าประวัติศาสตร์อย่าง การปล้นโรงกษาปณ์โดยมีแผนคือการจับตัวประกันไว้เพื่อยื้อเวลาในการขุดอุโมงค์หนีและผลิตเงินให้ได้ 4 ล้านล้านวอน แผนการทุกอย่างถูกวางไว้อย่างแยบยลจากมันสมองของศาสตราจารย์ เหล่าโจรได้ถูกสอนมาอย่างดีกับการรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน อาทิ การเรียนยิงปืน การเรียนรู้ร่างกายมนุษย์ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น หรือแม้กระทั่งการผ่าตัด และแล้วเมื่อแผนการทุกอย่างถูกวางไว้เรียบร้อยก็ถึงวันที่ต้องลงมือปล้น!!
**มีการกล่าวถึงเนื้อหาภายในเรื่อง**
สำหรับการเดินเรื่องถือได้ว่าเดินเรื่องได้เร็วมากในบางตอน แต่บางตอนก็กลับเอื่อยจนความสนุกที่ควรจะต้องบาลานซ์กันในแต่ละตอนมันเริ่มขาดหายไป มีจุดพ้อยซ์ให้ว้าว ให้ตื่นเต้น ให้พีคจนอ้าปากค้างมีอยู่เพียงไม่กี่จุด แม้เราจะไม่เคยดูวิธีการปล้นจากในฉบับสเปนมาก่อนก็ตาม ความว้าวที่ได้มาจากกลุ่มโจรที่ชอบมากมีอยู่ 2 ฉากคือฉากเปลี่ยนหน้ากากเพื่อค้นหาตำรวจที่แอบเข้ามาในกลุ่มตัวประกันเป็นการแก้ปัญหาที่เรียบง่ายแต่กลับขนลุกซู่ไปหมด และฉากที่เปิดตัวตำรวจจากฝั่งเหนือว่ายังมีชีวิตอยู่ในไลฟ์สดตลบหลังตำรวจอีกรอบเพื่อเพิ่มความชอบธรรมในการปล้นของตัวเองในสายตาของสาธารณชน
ในส่วนของกลุ่มตัวประกันตัวละครผู้อำนวยการโจยองมิน (รับบทโดย พัคมยองฮุน) เป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับซีรีส์มากที่สุดเลยก็ว่าได้ ตัวละครนี้เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งจนคนอื่นต้องพลอยเดือดร้อน การคิดหาทางหนีตลอดเวลาของผู้อำนวยการมันทำให้เรื่องมีอะไรให้ลุ้นตลอด ลุ้นว่าผู้อำนวยการจะหาทำอะไรอีก ลุ้นว่าความประสาทของผู้อำนวยการจะไปหยุดที่ตรงไหน ซึ่งการเลือกพัคมยองฮุนมารับบทนี้ถือว่าเป็นการแคสต์บทที่เฉียบขาดมาก เพราะเหมาะกับบทมากจริงๆ
มาต่อกันในส่วนของบทบอกเลยว่าในฉบับเกาหลี ก็เกาหลีมากจริง ๆ บทถูกเขียนขึ้นโดยมีการสอดแทรกประเด็นสังคม การเมือง ความขัดแย้ง เกร็ดประวัติศาสตร์เข้าไปผ่านการกระทำของตัวละคร ปมหลัง แฟชั่น หรือแม้แต่ในคำพูดที่ตัวละครพูดกัน เริ่มจากการแทรกประเด็นความความชิงชังประเทศญี่ปุ่นที่ยาวนานของคนเกาหลี ผ่านการเลือกใช้ชื่อของโตเกียว โดยซีรีส์ให้เหตุผลของตัวละครนี้ในการเลือกใช้ชื่อนามสมมุติว่า เพราะจะไปทำเรื่องชั่วๆไงหล่ะ เลยเลือกที่จะใช้ชื่อ โตเกียว บอกเลยว่าแรงแบบซู้ดปาก
การดีไซน์ให้ธนบัตรที่เป็นเงินสกุลเดียวกันที่คนทั้งทางเหนือและใต้จะใช้ร่วมกันที่เราจะได้เห็นทั้งจากใน intro เปิดตัว และอีกหลายฉาก การจัดวางนิทรรศการภายในโรงกษาปณ์ที่เราจะได้เห็นนิด ๆ ตอนที่เด็ก ๆ ในเรื่องเดินทัศนศึกษา ก็เป็นการดีไซน์ที่คิดมาดีมาก ๆ ที่เลือกใช้ใบหน้าของ ยูกวานซุน อันจุงกึน และ จูชีกยอง ปรากฏบนธนบัตรในซีรีส์ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ คือ วีรชนนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพในขณะที่เกาหลีถูกครอบงำโดยจักรวรรดิญี่ปุ่น นั่นเอง
มาที่ตัวละคร โตเกียว (รับบทโดย จอนจงซอ) ตัวละครหลักของเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความทรงอิทธิพลของวัฒนธรรม K-POP และวงการบันเทิงของเกาหลีใต้ ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหากแอบฟังหรือแอบดูเธออาจจะถูกจับไปจนถึงอาจถูกลงโทษถึงชีวิตเลยก็ได้ แต่เธอก็ยังแอบที่จะลักลอบฟังเพลงและดูซีรีส์อยู่ดี ไม่แค่นั่น โตเกียวยังเป็นตัวละครที่ถูกคำว่า ‘ทุนนิยม’ กดทับความฝันที่วาดไว้อย่างสวยหรูให้แตกสลายลงเป็นเสี่ยง ๆ อีกด้วย เธอแค่ต้องการเติบโตในสังคมที่เอื้อให้เธอกล้าจะมีความฝัน กล้าที่จะแสดงออกความเป็นตัวเองได้อย่างอิสระไม่ต้องหลบซ่อน แต่โลกทุนนิยมที่ตอบโจทย์ข้างบนของเธอได้แต่มันก็ไม่ได้ตอบโจทย์ในการที่จะเอื้อให้เธอก้าวไปถึงฝัน สังคมที่ต้องแข่งขันกันตลอดเวลา สังคมที่มีเงินเป็นตัวขับเคลื่อนทุกอย่างในชีวิต มันบีบให้เธอต้องกลายเป็น ‘คนชายขอบ’ ไปโดยปริยาย
ยังไม่หมดซีรีส์ยังมีแทรกบทพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ และเหตุการณ์บางอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงความต่างกันของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้อยู่ตลอด ทั้งฉากการออกคำสั่งของทีมตำรวจ ฝั่งเหนือนั่นมุ่งแต่จะบุกเข้าปราบปรามกลุ่มโจรด้วยกำลังทันที โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวประกันที่มีอยู่มากกว่า 50 ชีวิต แต่ในขณะเดียวกันเกาหลีใต้กลับมุ่งเน้นไปที่การเจรจาต่อรองเพื่อช่วยชีวิตตัวประกันมากกว่า ซึ่งประโยคที่ซอนอูจิน (รับบทโดย คิมยุนจิน) ตำรวจจากฝั่งใต้ พูดกับกัปตันชามูฮยอก (รับบทโดย คิมซองโอ) ตำรวจจากทางฝั่งเหนือว่า “จากนี้ไปก็ลองเรียนรู้ดูละกันนะคะ ว่าประเทศปกติที่ให้สิทธิมนุษยชนมาก่อนสิ่งอื่น เขาแก้ปัญหากับเหตุการณ์แบบนี้ยังไง” สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของคนทั้ง 2 ชาติที่แตกต่างกันอันเนื่องมาจากระบบการปกครองที่หล่อหลอมพวกเขานั่นเอง
ในส่วนของตัวละคร ริโอ (รับบทโดย อีฮยอนอู) เด็กหนุ่มบ้านรวยจากตระกูลหมอ ก็ได้หยิบเอาประเด็น ‘หมอรุ่นที่ 3’ ความเชื่อแบบขงจื๊อที่ยังเข้มข้นของคนเกาหลี ขึ้นมาแสดงผ่านตัวละครนี้ ความคิดที่ลูกจะต้องแบกรับความกดดันในฐานะตัวแทนของตระกูลที่จะต้องเดินตามรอยที่หัวหน้าตระกูลหรือพ่อแม่วางไว้ให้เท่านั้น โดยที่ไม่ได้มองถึงความต้องการที่จริงของลูกเลยแม้แต่นิดเดียว อย่างที่พ่อของริโอยังคงกดดันให้ริโอเข้าโรงเรียนแพทย์แม้จะรู้ว่าลูกของตัวเองกลัวเลือดจนถึงขั้นแพนิคก็ตาม นี่คือวิธีการสืบทอดความมั่งคั่งของคนเกาหลีใต้อย่างที่ศาสตราจารย์ได้บอกกับโตเกียวเอาไว้
หรือจะการเปลี่ยนหน้ากากของกลุ่มโจรจากต้นฉบับที่ใส่หน้ากากดาลี ศิลปินดังของสเปน ในฉบับเกาหลีก็ได้เปลี่ยนมาใช้หน้ากากฮาฮเว หน้ากากที่ใช้สำหรับแสดงละครพื้นบ้านของเกาหลี หรือตอนที่เปลี่ยนหน้ากากเพื่อตลบหลังตำรวจที่แอบปลอมตัวเข้ามา ก็ใช้หน้ากากสิงโต หนึ่งในหน้ากากของการแสดงระบำหน้ากากพงซัน จังหวัดฮวังแฮ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเกาหลีเหนือ ถือเป็นการแทรกมรดกวัฒนธรรมของเกาหลีเข้าไปแบบเนียน ๆ
จากที่กล่าวมาข้างต้นคงเข้าใจกันแล้วว่าทำไมถึงได้ประทับใจในบทของเรื่องนี้มาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นในพาร์ทนี้ตัดจบได้ฉับสุด ๆ เล่นเอาคนดูอย่างเราค้างไปตาม ๆ กัน มารอลุ้นสำหรับพาร์ท 2 อย่างใจจดใจจ่อกันต่อไป สามารถรับชม Money Heist: Korea – Joint Economic Area ได้ทาง Netflix 6 ตอนรวดได้เลยค่ะ
บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์
บทความที่เกี่ยวข้อง
Money Heist: Korea เผยที่มาการนำมารีเมค – เล่าความพิเศษในแบบฉบับเกาหลีที่แตกต่างไปจากสเปน
Money Heist: Korea – Joint Economic Area กางโปรไฟล์ตัวละครหลัก ก่อนเปิดฉากปล้นครั้งประวัติศาสตร์
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡