เมื่อจอมวายร้ายโหดจิต ตะลุยอำมหิตไม่มีพรมแดน
มีหรือที่ตำรวจตัวพ่อสายพลังเถื่อนจะยอมนิ่งเฉย
The Roundup หรือ The Outlaws 2 เป็นภาพยนตร์ภาคสองของเรื่อง The Outlaws (2017) จึงเกิดคำถามตั้งต้นจากหลาย ๆ คนว่าต้องดูภาคแรกก่อนไหม? ก็อยากบอกว่าไม่เป็น A Must แต่เป็น Nice to Have มากกว่า เพราะตัวละครฟากพระเอกหรือตำรวจ ยกทีมเดิมมาทั้งชุด การได้เห็นคาแรคเตอร์หรือภูมิหลังย่อมทำให้เราอินเข้าถึงได้ดีกว่า รวมถึงมีบางตัวละครประกอบเข้ามาแจมด้วย และที่สำคัญ มีการเชื่อมโยงมุกตลกมาใช้อยู่พอควร บางมุกอาจขำไม่ถูกถ้าไม่รู้ที่มาที่ไป แต่ในแง่ของเนื้อหา จัดว่าเป็นอีกเรื่องราว เป็นอีกคดีที่แยกจากกันชัดเจน ดังนั้น ถ้าดูลำพัง The Roundup ก็สนุกได้ในตัวแน่นอน แต่อยากเชียร์ให้ดูทั้ง The Outlaws และ The Roundup จะได้สนุกมันส์ทะลุปล้องเกลี้ยง ๆ ไปเลย
ผู้เขียนจะขอท้าวความสั้น ๆ ของ The Outlaws ไว้สักหน่อยเพื่อการรีวิวพาดพิงที่ไม่สะดุด เรื่องราวของตำรวจและนักเลงหลายก๊กหลายแก๊งในแขวงการีบง ซึ่งเป็นย่านไชน่าทาวน์ของโซล ความเป็นดงเถื่อนแดนแก๊งสเตอร์ ตำรวจที่คุมถิ่นจึงต้องเป็นสไตล์นักเลงก้ามโตแบบ มาดงซอก เข้าสูตรปกครองนักเลงด้วยตำรวจที่นักเลงกว่า หมัดหนักกว่า เถื่อนคุมเถื่อน ถ้าอยู่ร่วมกันกันแบบไม่แตกแถว ไม่ล้ำเส้นกัน ไม่ชั่วจนเกินไป ทุกคนก็สามารถทำมาหากินกันได้อย่างสันติ แต่ดันมีมาเฟียต่างถิ่นจาก หยันเปียน เข้ามาทวงหนี้และก่ออาชญากรรมโหดเหี้ยม นั่นคือ จางเฉินแห่งฮาร์บิน ซึ่งรับบทโดย ยุนคเยซัง คุณตำรวจตัวพ่อจึงต้องจัดเถื่อนเต็มขั้นให้ซะอยู่หมัด เอกลักษณ์ของแอ็คชั่นเรื่องนี้คือ อาชญากรใช้อาวุธมีดสั้นจ้วงแทงประชิดตัว และขวานสับฉับขาดอย่างไร้ความปราณี
มาถึง The Roundup กันบ้าง ผู้เขียนขอยืนยันเลยว่า คงเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ภาคสองไม่ด้อยกว่าภาคหนึ่งเลย การผสมทั้งสูตรสำเร็จเดิมบ้าง และการขยายมุมแตกประเด็นใหม่บ้าง ความเดิม ๆ ที่ยังดูได้สนุกก็อย่างเช่น ซีนเปิดตัว มาดงซอก ในมู้ดฮีโร่จัดการคดีพื้น ๆ ในชุมชน รู้ ๆ อยู่แต่ก็มิวายอมยิ้มต้อนรับ หรือการเก็บเกี่ยวมุกฮาจากภาคแรกมาล้อเลียนใช้ซ้ำได้อย่างฉลาด ไม่ว่าจะเป็นท่าลงโทษบีบเป้า ความหวังของนัดบอด หรือคาแรคเตอร์ของสารวัตร ผู้กำกับ ก็ยังเรียกเสียงฮาได้อยู่
เพิ่มเติมความใหม่ของภาคนี้คือ การเปลี่ยนคดีที่ได้ภาพใหญ่ขึ้น มี Mobility ข้ามประเทศ มีความโหดจิตรุนแรงขึ้น เสิร์ฟพร้อมกับฉากแอ็คชั่นที่ดูบันเทิงขึ้น
ปฐมบทด้วยการกล่าวถึงอาชญากรเกาหลี ที่หนีเล็ดรอดกฎหมายไปซ่อนตัวเป็นมิจฉาชีพต่างแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในหลายประเทศ เรียกว่าก่อคดีรังควานนักท่องเที่ยวเกาหลี จนมีคนร้ายคนหนึ่งขอเข้ามอบตัวที่กงสุลเกาหลีในเวียดนาม มาซอกโด (รับบทโดย มาดงซอก) และ หัวหน้าจอนอิลมัน (รับบทโดย ชเวกวีฮวา) จึงเดินทางไปรับตัวคนร้ายซึ่งเคยอยู่ในการีบง แต่กลายเป็นว่าคดีโยงใยไปถึงการฆาตกรรมที่ก่อคดีต่อเนื่องอย่างทารุณโหดร้ายโดย คังแฮซัง (รับบทโดย ซนซอกกู) ซึ่งคดีร้ายแรงล่าสุดคือ หลอกล่อลักพาตัว ได้เงินแล้วฆ่าทิ้ง ของลูกชายของนักธุรกิจสินเชื่อรายใหญ่ในเกาหลี ก็เรียกได้ว่าเป็นนักธุรกิจในแวดวงมาเฟีย จึงไม่ยอมง่าย ๆ จ้างวานมืออาชีพส่งไปล้างแค้น การตอบโต้ไปมาจึงเกิดให้ลุ้นตามว่าใครจะโดนใครเช็คบิลกันแน่
แต่ที่แน่ ๆ คือ มาซอกโด ไม่ยอมปล่อยวายร้ายลอยนวลแน่นอน ไม่ว่าจะตอนยังอยู่เวียดนาม ซึ่งไม่ได้มีกฎหมายรองรับให้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ แต่ก็ยังดื้อแพ่งไปตะลุมบอนซะเละ ยิ่งเมื่อเป้าหมายได้ย้ายกลับมาเกาหลีแล้วด้วย เข้าทางสะดวกให้พี่ตำรวจก้ามโตตัวพ่อของเราได้จัดเต็มอีกครั้ง ลุยถึงที่สุดอย่างมันส์แน่นอน
ดีกรีความร้ายกาจของคู่ต่อสู้ภาคนี้ ก็ต้องบอกว่า คังแฮซัง เก่งแกร่งและอำมหิตอัปเลเวลกว่า จางเฉิน เพราะจางเฉินคือมาทวงเงิน ทวงไม่ได้ก็ทำร้ายลงโทษ แต่คังแฮซังคืออยากได้เงินของคนอื่น หลอกเอาเงินได้แล้วก็ยังฆ่าโหดเหี้ยมหน้าตาเฉย อาวุธที่ใช้หลักยังคงเป็นมีด คงเพราะเลือดสาดสยองดี แม้จะไม่ได้เห็นสภาพเหยื่อแบบจะ ๆ แต่ท่าจ้วงฉึก ๆ ฟันฉับ ๆ ก็ส่งให้คนดูจินตนาการต่อเองได้อย่างขนลุก แต่ไม่แค่นั้นนะ เที่ยวนี้ขยับจากมีดพกมีดสั้น อัปเลเวลเป็นมีดพร้าแบบมีดแรมโบ้ ภาพสยองขึ้นหัวตามมาเลย ภายนอกคังแฮซังอาจดูมาดนิ่ง แต่ความขี้หงุดหงิดที่ขึ้นไวจบไวด้วยการฆ่า ๆ ทิ้งไปเลยก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน
ความแรงของฝ่ายตำรวจก็จัดมาให้พอฟัดพอเหวี่ยง มาซอกโด ภาคนี้ไม่แค่มือหนักตบแรงฟาดแรงซะแล้ว แต่ต่อยด้วยหมัดระเบิดเว่อร์หน่อย ๆ นึกภาพแบบ The Hulk จอมพลัง ก็คือเปรี้ยงเดียว กระเด็นและพังราบคาบ
อีกทั้งภาคนี้ยังออกแบบมาให้คนดูได้อินมากขึ้น ด้วยการย้ำเน้นอารมณ์ ‘ใกล้ตัว’ จากการออกแบบเลือก และใช้โลเคชั่นหลักสำหรับฉากบู๊หลายแห่งเป็นสถานที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือบนรถเมล์ ทำให้ได้ความตื่นเต้นไปอีกแบบ แนวตลาด Blockbuster มากขึ้น ไม่ Lowkey อึมครึมแบบสถานอบายบุข คลับ บาร์ ร้านมอซอเหมือนใน The Outlaws ที่จะให้ความรู้สึกฮาร์ดคอร์กว่า
ความโดดเด่นของ The Roundup ที่นอกจากจะมี มาดงซอก เป็นแม่เหล็กชัวร์ ๆ แล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ซนซอกกู ทำหน้าที่ของวายร้ายได้ดีเยี่ยมจริง ๆ ทั้งโหด น่ากลัว และมีเสน่ห์ในตัว ชวนจับตามอง ทั้งท่าทีและสีหน้าก็สื่ออารมณ์ได้ดีมาก และยังอุตส่าห์ลงทุนเพิ่มน้ำหนักและฟิตหุ่นล่ำ ๆ ผิวเข้มเท่ ๆ พลอยได้คะแนนจากสายรักแบดบอยไปด้วยเลย
สำหรับทีมนักแสดงก็ยังคงเรียกได้ว่าคับคั่ง ผลัดกันหนุนความสนุก เสริมความกลมกล่อม อาทิเช่น พัคจีฮวาน ฮอดงวอน ฮาจุน ยุนบยองฮี เพิ่มเติมใหม่ด้วย อึมมุนซอก นัมมุนชอล และ พัคจียอง
โดยสรุป พูดได้เต็มปากว่า The Roundup ให้ความบันเทิงแบบโลด ๆ ตลอดสองชั่วโมง ไม่มีตก ไม่มีอืดเลย สนุกทั้งฉากบู๊ ฉากฮา สลับไปมาอย่างพอเหมาะพอเจาะ รวมถึงการหักมุมเซอร์ไพรซ์ สนุกจนทำให้เรามองข้ามอะไร ๆ ที่ไม่ค่อยเมคเซนส์ไปได้โดยไม่รู้ตัว พิสูจน์ความเป็นหนังดีที่ไม่ควรพลาดด้วยยอดผู้ชมที่เกาหลีทะลุ 10 ล้านคนไปแล้วอย่างฉับไว งานบันเทิงแถวหน้าของเกาหลีที่มาเสิร์ฟถึงโรงหนังบ้านเรา ไม่ชมคือพลาดอย่างน่าเสียดาย หนัง Genre นี้ ดูที่โรงคือสนุกสะใจเลย ดูจบแล้วหลายคนอยากตั้งตารอภาค 3 ต่ออย่างแน่นอน
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡