ซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มนักโทษจากหลากหลายความผิดแต่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่รวมกันใน เรือนจำซอบู เริ่มที่ คิมแจฮยอก (รับบทโดย พัคแฮซู) นักกีฬาเบสบอลชื่อดังตำแหน่งพิชเชอร์ มือขว้างที่เรียกว่าดีที่สุดในเกาหลีใต้ วันหนึ่งต้องโทษคดีทำร้ายร่างกายโดยเจตนาในระหว่างไปช่วยน้องสาวจากคนร้ายที่พยายามบุกเข้าไปกระทำชำเราเธอถึงในที่พัก การใช้ชีวิตในห้องขังเหล็กของ แจฮยอก ที่มาพร้อมกับเรื่องราวความสัมพันธ์อันระหองระแหงกับแฟนสาวนักศึกษา คิมจีโฮ (รับบทโดย คริสตัล) ซึ่งต้องพบกันผ่านกระจก และยังมีเรื่องราวของกลุ่มคนทำงานในเรือนจำรวมถึงเหล่าผู้คุมนำโดย อีจุนโฮ (รับบทโดย จองคยองโฮ) หรือ ผู้คุมอี ชายหนุ่มหน้าตาและการแต่งตัวผู้ดี๊ผู้ดีแถมยังเป็นเพื่อนสนิทกับ แจฮยอก ตั้งแต่เด็กแต่ไม่มีใครในนั้นรู้ และอีกมากมายหลากหลายตัวละครที่ประกอบกันจนทำให้ซีรีส์ดี ๆ เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ดีงาม สนุกสนาน และน่าประทับใจไปอีกนานแสนนาน
โดยปกติเวลาจะเลือกดูซีรีส์ซักหนึ่งเรื่อง ขอยอมรับว่าดูที่พระเอกก่อนว่าโดนใจแค่ไหน นางเอกชอบมั๊ย ถึงจะค่อยไปดูที่ผู้กำกับและคนเขียนบทตามมา แต่เรื่องนี้ที่ตัดสินใจดูแบบไม่ลังเลเพราะผู้กำกับ ชินวอนโฮ ที่เคยฝากผลงานไว้กับ Reply ทั้ง 3 ภาคจนโด่งดังพลุแตกและทำให้ดาราธรรมดากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ไปหลายคนแล้ว จากตอนแรกที่เกริ่นนำเรื่องย่อคร่าว ๆ พร้อมกับรายละเอียดตัวละครแค่ส่วนหนึ่งอย่างยืดยาวลงมามากหน่อยเพราะทุกการดำเนินเรื่องทุกตัวละครทุกปมประเด็นในนั้นมันมีความสำคัญและมีบทบาทไปซะหมด สิ่งที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวของสไตล์การเล่าเรื่องจากผู้กำกับท่านนี้คือ สามารถนำเอาทุกตัวละครมาร้อยเรียงเรื่องราวตัดต่อไปมาได้อย่างไม่วุ่นวายไม่สับสนและยังสนุกมาก ๆ อีกด้วย มาในเรื่องนี้ ก็ยังทำให้รู้สึกประทับใจได้อีกครั้งอย่างไม่น่าแปลกใจ ด้วยการดำเนินเรื่องที่ไม่หวือหวา ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรมากมาย ไม่ได้ขายดราม่าน้ำตานองหน้า เรื่องราวของทุกตัวละครในเรื่องนี้เหมือนงานศิลปะชั้นดีหลาย ๆ ชิ้นมาวางรวมกันแล้วเรียบเรียงรวมกันมาให้ผู้ชมดูได้ในเรื่องเดียว เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่สวยงามและทำให้รู้สึกดีหลังจากดูจบได้อีกเรื่องเลยจริง ๆ ค่ะ
สำหรับตัวละครหลักอย่าง คิมแจฮยอก ที่รับบทโดย พัคแฮซู ฝีมือการแสดงและการสื่อสารทางแววตาทำได้ดีงามมาก เล่นได้น่ารักและมีเสน่ห์ในสไตล์ของผู้ชายเด๋อด๋าแบบเป็นธรรมชาติจนรู้สึกตกหลุมรักนักเบสบอลคนนี้เข้าอีกคนซะแล้ว ความน่าชื่นชมและควรเอามาทำตามอย่างอย่างที่สุดของตัวละครนี้คือ นอกจากความเป็นคนจิตใจดี มองโลกในแง่บวกแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำตอนได้สติหลังจากเข้าไปใช้ชีวิตในคุกเลยก็คือ การจัดตารางซ้อมและฟิตร่างกายด้วยตัวเอง ความไม่หลุดโฟกัสจากสิ่งที่มุ่งมั่น กับ ความมีวินัยในตนเองอย่างสม่ำเสมอ สองอย่างนี้จะเป็นชนวนสำคัญมากที่จะทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการทำงานได้อย่างไม่ยากเย็น ลองทำตาม แจฮยอก กันดูนะคะ
ในอีกหนึ่งความโบรแมนซ์ของ คิมแจฮยอก กับ ผู้คุมอีจุนโฮ รับบทโดย จองคยองโฮ ก็สามารถทำให้เรื่องนี้เป็นซีรีส์น่ารักตะมุตะมิไปได้แบบชิล ๆ ในบท ผู้คุมอี ที่ขอย้ายมาที่นี่เพื่อคอยช่วยเหลือเพื่อนรักแบบเงียบ ๆ การแสดงแบบกวน ๆ พริ้วไหวอย่างเป็นธรรมชาติคือเสน่ห์อันเหลือล้นในฝีมือการแสดงของนักแสดงหนุ่มคนนี้ ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริง ๆ และรวมถึงนักแสดงคุณภาพทุกท่านไม่ว่าจะบทเล็กบทใหญ่บทเยอะบทน้อย ทุกตัวละครคือส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้เป็นละครน้ำดีคุณภาพคับจอ และที่อดแซวไม่ได้เลยคือ ผู้คุมพัง รับบทโดย จองอุงอิน นักแสดงคุณภาพสูงคนหนึ่งของเกาหลีใต้ ปกตินักแสดงท่านนี้จะรับแต่บทร้ายมาโดยตลอดจนบางสำนักข่าวเคยแซวว่าหน้าแบบนี้คงเล่นบทคนดีไม่ได้แล้ว แต่ในเรื่องนี้ได้บทเป็นคนปากร้ายแต่จิตใจดีมาก ตอนเล่นร้ายก็น่ากลัวมากโขอยู่แล้ว พอมาเล่นเป็นคนดีก็ดันเล่นได้ดีซะจนเราให้ใจกันไปเต็ม ๆ ฝีมือสุดยอดจริง ๆ ค่ะ
โดยปกติการถูกคุมขังในเรือนจำ นักโทษจะถูกขังรวม โดยแต่ละห้องจะไม่มีการแยกประเภทคดี อยู่รวมกันแบบคละกันไป แต่จะยกเว้นนักโทษที่ต้องโทษประหารชีวิตที่จะแยกขังเดี่ยวออกไป ซึ่งในตอนที่ 2 ซีนที่ คิมแจฮยอก คุยกับแฟนสาว คิมจีโฮ ระหว่างที่เธอมาขอเข้าเยี่ยมว่า เขาได้เจอกับนักโทษที่ได้รับโทษประหารชีวิตวันก่อน พอเห็นหน้าก็จำได้ว่าเขาเคยเจอแล้วโดยบังเอิญในห้องอาบน้ำรวมอีกวันหนึ่งโดยไม่รู้ตัวและนักโทษคนนั้นยังยื่นสบู่ให้ยืมใช้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนคนปกติ .. ซีนนี้มันสื่อความหมายลึก ๆ ออกมาได้ว่านักโทษประหารหรือคนที่จิตใจน่ากลัวก็คือคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งในสังคมที่เดินผ่านไปมาใกล้ตัวเราด้วยใบหน้าปกตินี่เอง ดังนั้น การจะตัดสินคนคนหนึ่งจากแค่ที่เห็นภายนอกหรือแค่ ณ อารมณ์ของเราตอนนั้นมันคือสิ่งที่ไม่ควรจะทำเป็นอย่างยิ่ง ควรที่จะใช้เวลาก่อนที่จะตัดสินแล้วลองมองลึกเข้าไปที่จิตใจของคนคนนั้นก่อน แล้วจะทำให้เรามองเห็นความจริงของแต่ละคนได้ถ่องแท้มากขึ้น ซึ่งความจริงในนั้นมันอาจจะคนละเรื่องกับที่เราคิดตอนแรกก็เป็นได้ค่ะ
” ไม่มีใครตัดสินใครได้ การตัดสินคนอื่นตามที่คุณเห็นและสิ่งที่รู้สึกตอนนี้ มันคือทัศนคติและอคติ และมันก็คือสิ่งที่ทุกคนเกลียดไม่ใช่เหรอ? “
(เสียงตามสายจากดีเจในรายการวิทยุที่ออกอากาศในเรือนจำในตอนที่ 2 )
โดยปกติเมื่อคนทั่วไปนึกถึง “คุก” อาจจะนึกถึงในแง่ความน่ากลัวจากการโดนทำร้าย,การขังเดี่ยวในห้องแคบ ๆ ว่างเปล่า หรือแม้กระทั่งการถูกกระทำชำเราในพื้นที่จองจำไร้ซึ่งอิสระและไร้ซึ่งตัวตนในสังคม แต่การตีความหมายของคำว่า “คุก” จากละครเรื่องนี้มันฉีกไปในอีกรูปแบบ การใช้ชีวิตจากสิ่งที่มีอยู่แค่นี้และอิสรภาพที่น้อยนิดแล้วแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องราวในแง่บวกเพิ่มเติมกับแง่คิดดี ๆ อีกมากมาย เรื่องใน “คุก” ที่ทำให้เราหัวเราะออกมาได้เสียงดัง ๆ มีน้ำตาไหลปริ่มซาบซึ้งบ้างเป็นบางซีน หรืออมยิ้มตามในเรื่องราวที่ไม่ยิ่งใหญ่อะไรเลย และขอทิ้งท้ายกับประโยคดี ๆ จากซีรีส์คุณภาพเรื่องนี้ที่ว่า
” อย่าวางมาตรฐานความสุขของตัวเองไว้กับความคิดของคนอื่น แล้วนกสีฟ้าแห่งความสุขอาจมาหาคุณง่ายกว่าที่คิด “
(นกสีฟ้าหรือ Blue Bird คือนกแห่งการเริ่มต้นใหม่และความสุข … เสียงตามสายจากดีเจในรายการวิทยุที่ออกอากาศในเรือนจำในตอนที่ 2 )
ขอให้ทุกท่านรับชม Wise Prison Life อย่างมีความสุขนะคะ