You Raise Me Up ซีรีส์ออริจินัลจาก wavve ความยาวเพียง 8 ตอนจบ กระชับครบทุกมุมบันเทิง เซ็กซี่น่ารัก รอมคอมฮา ๆ ดราม่าได้รส แถมบทส่งพลังบวก ชูรักชูใจคู่ควบกันไปอย่างกลมกลืน ว่าด้วยเรื่องราวที่สะท้อนชีวิตหนุ่มสาวสังคมเมืองในวัยที่กำลังสร้างอนาคตของตัวเองและเป็นความหวัง – หน้าตาของพ่อแม่ ท่ามกลางสังคมที่มีการแข่งขันสูง สำหรับคน ๆ หนึ่งที่ยังไปไม่ถึงจังหวะชีวิตนั้นสักที ต้องมาเผชิญความย่ำแย่ทั้งสถานะและเสียศูนย์ทางจิตใจ แค่นั้นยังไม่พอ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดให้ ‘ร่างกาย’ ที่สุขภาพแข็งแรงซึ่งเป็นความภูมิใจหนึ่งเดียวที่มีอยู่ดันเกิดรวน หย่อนสมรรถภาพทางเพศไปซะเฉย ๆ แถมยังบังเอิญซวยซ้ำให้ขายหน้าหมดท่า เมื่อเพิ่งมารู้บนเตียงตรวจว่าคุณหมอที่จะรักษาให้เขา คือ รักแรกในวัยเรียนที่ห่างหายกันไป ผู้มีภาพจำว่าเขาเป็น ‘ฮีโร่’ ในดวงใจ
ว่ากันที่ชื่อเรื่องก่อนเป็นอันดับแรก ‘You Raise Me Up’ สุดฉลาดคิด สื่อสองนัยพร้อมกัน ทั้งการยกขึ้นของ ‘เจ้าน้องชาย’ ที่เป็นรูปธรรม และ ‘จิตใจ’ ที่เป็นนามธรรม ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะเชื่อมโยงกัน พักไว้รอขยายความกันต่ออีกทีนะคะ
ตามมาด้วยไอเดียดีไซน์เรียบง่ายแต่ช่างคิดดีมาก คือ โปสเตอร์รูป ‘กุ้ง’ ที่ใช้ ‘กุ้งตัวงอ VS กุ้งตัวยืด’ สื่อครบทั้งปมรูปธรรม = ยกสิ่งที่ล้มให้ลุกขึ้นได้ และปมจิตใจ ‘ความเชื่อมั่นในคุณค่าตัวตน’ = เชิดหน้ายืดอก ไม่ก้มหน้าไหล่ห่อ
พาร์ทปูเรื่องที่สุดแสนขำ ทำเรื่องพูดยากกระดากปากให้ลื่นไหลไม่โป๊ ผ่านสารพัดมุกตลกร้ายครีเอทีฟที่เล่นกับความ ‘ล้มไม่ลุก’ ของเจ้าน้องชาย ด้วยหลากหลายสัญลักษณ์เชิงอุปมา เช่น แบตเสื่อมชาร์จไม่เข้า เช้าก็ไม่ยอมลุก ปลุกเร้าก็ไร้ผล หรือกล้วยหอมเหี่ยวดำ ดอกไม้สลดเฉา ไปจนถึงหินโทลฮารูบัง (คือหินหน้าตาเหมือนเจ้าน้องชาย) ที่ทรุดพัง ต่อหน้าต่อตาเจ้าอัลปาก้า (สัตว์ที่จะพ่นน้ำลายยามตกใจ) แต่มันยังยืนทื่อบื้อแสดงพลังไม่ออก บ้างก็เป็นตลกล้อเลียน เช่น ตุ๊กตาแมวโก้งโค้งน่ารัก เลียนล้อท่าพร้อมตรวจของคนไข้ที่กระอักกระอ่วน หรือมุกเล่นใหญ่ในไตเติลที่ล้อเลียนภาพศิลปะชิ้นดัง The Creation of Adam ของ ไมเคิลแองเจโล งานต้นฉบับหมายความถึงพระเจ้าพ่นลมหายใจแห่งชีวิตให้แก่อาดัมมนุษย์คนแรก หัตถ์ของพระเจ้าที่ใกล้จะแตะกับมือของอาดัมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมนุษยชาติ ถูกล้อเป็นสองตัวละครพระนาง คือ โดยงชิก (รับบทโดย ยุนซียุน) กับ หมออีรูดา (รับบทโดย อันฮียอน / ฮานิ) บอกเล่าพล็อตเรื่องได้ชัดเจนดี
ความกดดันที่เติมให้ปมเป็นตลกร้ายมากขึ้น คือ หมออีรูดาซึ่งเป็นหมอทางเดินปัสสาวะ (รักษาทุกโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะตรงนั้นแหละ) เป็นแฟนอยู่กับ จิตแพทย์โดจีฮยอก (รับบทโดย พัคกีอุง) ซึ่งต่างเปิดคลีนิคอยู่ตึกเดียวกัน แต่อีรูดาเริ่มเอือมระอาความมั่นหน้ามั่นโหนกของโดจีฮยอกที่คิดว่าตัวเองเพอร์เฟค เป็นศูนย์กลางของจักรวาล อีรูดาที่กำลังคิดอยากเทเขา เลยบลัฟท์เขากลับว่ามีผู้ชายที่ดีเลิศกว่า นั่นก็คือรักแรกของเธอเอง
แม้โดยงชิกที่ปรากฏตัวขึ้น ต่างจากภาพจำของอีรูดาในอดีตสิ้นเชิง เธอก็ยังทุ่มเทความพยายามในรักษาเขาด้วยสารพัดวิธี ไปจนถึงกลเม็ดเชิงจิตวิทยาต่าง ๆ แต่อุปสรรคก็เยอะด้วยเช่นกัน เป้าหมายของเธออาจมีทั้งความอยากเอาชนะเคสรักษาในฐานะหมอ, เหตุผลส่วนตัวที่อยากเอาชนะโดจีฮยอก ไม่อยากเสียหน้าคำพูดที่เกทับไว้, เป็นความปรารถนาดีต่อโดยงชิกซึ่งเคยดีต่อกันหรือการมีใจมากกว่านั้น หรืออาจจะเป็นเรื่องโดยทางจิตวิทยา กับการปกป้องคุณค่าของตัวตนของเธอ เรียกคืนศักดิ์ศรีของตัวเองนั่นแหละ ว่าไม่ได้มองคนผิดหรือเคยรักคนผิด
ในขณะที่ปมความเจ็บป่วยของโดยงชิกนั้น มันคือหลักการของ ‘ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว’ เพราะเขาเห็นตัวเองด้อยค่า เปรียบเป็นเนื้อก็คือโลว์เกรดปลายแถว (เพราะโดยงชิก ทำงานพาร์ทไทม์ร้านอาหารปิ้งย่าง เลยเอาแต่คิดเทียบกับเนื้อ) การหาคุณค่าของตัวตนไม่เจอ ใจที่ไร้แรงส่งย่อมทำร่างกายปวกเปียก กว่าจะหาจุดคลิ๊กเจอก็ต้องผ่านหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เจ็บปวด บีบคั้น บั่นทอน อับอาย จนชวนอึดอัดน่าสงสารเป็นยิ่งนัก ยุนซียุนถ่ายทอดบทบาทนี้ได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะปัญหาสภาวะทางกายหรือใจของเขาเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อาจพบเจอได้เช่นกัน ถือว่าเขานำส่งกำลังใจที่ดีให้ผู้ชมเลยนะ
ทั้งสามตัวละครหลักต่างกำลังเรียนรู้และเติบโตทางความคิด เข้าใจคุณค่าตัวตน กล้าแสดงออกและยอมรับคุณค่าของผู้อื่นอย่างเปิดใจด้วย ชอบมากกับประโยคที่โดจีฮยอกยอมรับความแมนเท่ ๆ ของโดยงชิกโดยเปรียบเทียบเหมือนนักบอลที่กล้าบอกผู้รักษาประตูว่ากำลังจะเตะลูกเข้าโกลแล้วนะ นั่นแปลว่า โดจีฮยอกเองก็แมนพอตัวด้วยแหละที่นับถือความแมนของคู่แข่งหัวใจ
สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ละครความรักธรรมดา ๆ สนุกเบาสมอง แต่กล้ายกตัวอย่างปัญหาใกล้ตัว เพื่อชี้ให้เห็นว่ามนุษย์ต้องตระหนักในคุณค่าตัวตนก่อน จึงจะฉายออกให้ผู้อื่นได้เห็น จึงจะมีชีวิตที่ดีได้ ‘ความสุข’ ของชีวิตไม่ได้เกิดเมื่อมีชีวิตที่ดีสมบูรณ์ 100% ต่อให้ชีวิตที่มีคะแนนแค่ 30 แต้ม ถ้าอยู่อย่างคิดบวกให้สุขเป็น ก็จะมีพลังไปสู่ความสำเร็จอื่น และย้อนกลับมาเป็นความภูมิใจในคุณค่าตัวตน (Self- Esteem) โอ..มันคือสิ่งหล่อเลี้ยงพลังบวกในตัวเราเลยนะเนี่ย
แถมอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เพื่อนที่ดี แม้จะมีเพียงคนเดียวก็ล้ำค่าละ จริง ๆ แล้วก็ยังมีข้อคิดดี ๆ สอดแทรกไว้อีกเยอะนะ คงต้องไปตามเก็บเกี่ยวกันเอง อาจเพราะทั้งคนเขียนบทและผู้กำกับเป็นหน้าใหม่ทั้งคู่ เลยไม่ได้ตั้งความคาดหวังสูง แต่ถือว่าใช้ได้เลย ไม่ได้มีดีแค่เรื่องฮา เนื้อหาก็โอ งานโปรดักชันก็เข้าท่า เพลงเพราะดีด้วย ลองดูกันค่ะ
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡