หลังจากที่ซีรีส์ Start-Up ออนแอร์ ก็ได้รับความสนใจจากเหล่าคอซีรีส์มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเรื่องราวที่มีความทันยุคทันสมัย สดใหม่พร้อมด้วยการแคสติ้งนักแสดงมาอย่างท็อปฟอร์ม แค่เห็นภาพนักแสดงก็บอกเลยว่าน่าดึงดูดเอามาก ๆ และเชื่อว่าถ้าหากใครที่ได้ดู ก็คงจะตกหลุมรักทั้งนักแสดงและซีรีส์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน
Start-Up เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของ ‘ซอดัลมี’ (รับบทโดย เเบซูจี) หญิงสาวที่พ่อเเม่แยกทางกันตั้งแต่เด็กทำให้เธอต้องแยกจาก ‘วอนอินเเจ’ (รับบทโดย คังฮันนา) พี่สาวที่เธอรักที่สุดในชีวิตแต่กลับเลือกไปอยู่กับเเม่เเละปัจจุบันอินแจก็ได้กลายเป็นทายาทมหาเศรษฐีจากมรดกของพ่อใหม่ แต่ทางดัลมีที่เลือกจะอยู่กับพ่อนั่นมีชีวิตที่แตกต่างจากพี่สาวตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน เพราะพ่อที่ไม่ทันไรก็ด่วนจากไปทั้งๆที่ธุรกิจกำลังจะเริ่มต้นได้ดี ทำให้เธอต้องไปอยู่กับ ‘ชเววอนด็อก’ (รับบทโดย คิมแฮซุก) ย่าของเธอที่เปิดร้านเล็กๆขายคอร์นด็อก
และคุณย่าของเธอนี่แหละที่เป็นตัวช่วยให้เธอมีรักครั้งแรกจากผู้ชายที่มักจะส่งจดหมายมาปลอบประโลมเธอซึ่งคนเขียนจดหมายในตอนนั้นคือ ‘ฮันจีพยอง’ (รับบทโดย คิมซอนโฮ) เด็กกำพร้าที่เป็นอัจฉริยะทางด้านการลงทุน ที่คุณย่าของเธอดูแลให้ความช่วยเหลือ แต่ฮันจีพยองกลับใช้ชื่อปลอมของเด็กชายผู้เป็นอัจฉริยะทางด้านคณิตศาสตร์อย่าง ‘นัมโดซาน’ (รับบทโดย นัมจูฮยอก) เด็กอายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกคณิตศาสตร์ เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงในอนาคต
- ซอดัลมี ที่อยากจะประสบความสำเร็จเพื่อพิสูจน์ว่าการเลือกที่จะอยู่กับพ่อในวันนั้นไม่ใช่การตัดสินใจผิด
- นัมโดซาน ที่อยากจะประสบความสำเร็จ เพื่อหวังให้ความเข้าใจผิดของดัลมีกลายเป็นความจริง
- ฮันจีพยอง ที่อยากจะชดใช้หนี้บุญคุณย่าที่เคยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างเขาในวัยเด็ก
- วอนอินแจ ที่อยากจะแสดงความสามารถของตัวเอง เพื่อลบคำสบประมาทที่ว่าได้ดีเพราะมีฐานะและต้นทุนชีวิตที่ดี
แค่เรื่องย่อยังน่าดูขนาดนี้ ทางเราไม่อยากจะให้ทุกคนพลาดซีรีส์ดีๆแบบนี้ไป และนี่คือ 5 เหตุผลที่ว่าทำไมจะต้องดูซีรีส์เรื่องนี้ นักแสดงมีใครบ้าง ? องค์ประกอบต่างๆในเรื่องไม่ว่าจะบท ภาพ หรือเพลงประกอบเป็นอย่างไร ? สนุกและน่าติดตามต่อตรงไหน ? มาหาคำตอบกันได้ข้างล่างเลยค่าา
เหตุผลที่ 1 บทสดใหม่ เรื่องราวของวงการ Start up ที่ยังไม่เคยมีเรื่องไหนหยิบมารังสรรค์
ตัวบทของซีรีส์ถึงแม้จะยังสดใหม่แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายความดราม่าและความโรแมนติกคอมเมดี้แบบเกาหลี๊เกาหลี Start Up เป็นซีรีส์ที่ชูเรื่องการทำธุรกิจสตาร์ทอัพและ SME ของคนรุ่นใหม่ ที่เป็นธุรกิจในเชิงของสตาร์ทอัพปัญญาประดิษฐ์ อย่างเทคโนโลยีจดจำภาพและ AI ที่แก๊งพระเอกกำลังทำวิจัยพัฒนา โดยเราจะได้เห็นการเริ่มต้นทำธุรกิจกันตั้งแต่แรกเริ่มเลยทีเดียวทั้งการคิดทำแผนธุรกิจ การเสนอแผนเพื่อหาเงินมาลงทุน พัฒนา และต่อยอดความคิด การเข้าประกวดโครงการต่างๆ การพยายามโน้มน้าวกลุ่มผู้ลงทุน
ผสมผสานไปกับปมปัญหาที่คนหนุ่มสาวผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่แต่กลับขาดต้นทุนทางสังคมที่ดี จะต้องพบเจอกับในการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ต้องอาศัย ‘เงิน’ และ ‘เส้นสาย’ เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่จะพาไปสู่เส้นชัย กลับกันคนที่เพรียบพร้อมไปซะทุกอย่างก็อยากจะหลุดพ้นจากสิ่งที่กล่าวมาเพื่อที่จะพิสูจน์ฝีมือความสามารถของตัวเองให้คนอื่นได้เห็น นอกจากนี้ Start up ก็ยังทำได้ดีในพาร์ทดราม่าและพาร์ทโรแมนติกคอมเมดี้ เพราะแค่ Ep. แรกก็เล่นเอาน้ำตาไหลเป็นลิตร แถมยังถูกคนเขียนบทสับขาหลอกให้คิดว่าพระรองคือพระเอก พระเอกคือพระรองด้วย จากการผสมผสานทั้งหมดทั้งมวลนี้มันทำให้ 1 ชั่วโมงของเรื่องนี้มันกลมกล่อมและโคตรจะเต็มอิ่ม
เหตุผลที่ 2 แคสติ้งนักแสดงงานดีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่
เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาให้กับคอซีรีส์อย่างมาก ตั้งแต่มีการประกาศรายชื่อนักแสดงนำของเรื่องทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่จับตามองมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนออนแอร์ ซึ่งหลังจากออนแอร์แล้ว ซูจี และ นัมจูฮยอก ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ซูจี ในบท ซอดัลมี ซูจี เผยเสน่ห์และความสดใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ และยิ่งฉากที่ต้องเดินข้างๆกับพี่สาวยิ่งทำให้เห็นชัดถึงความแตกต่างของสังคมที่เติบโตมา เพราะไม่ว่าจะท่าเดิน การวางตัว หรือสายตาก็ล้วนแตกต่าง นัมจูฮยอก ในบท นัมโดซานก็เช่นกัน ในเรื่องนี้เราจะเห็นนัมจูฮยอกในการแสดงในบทบาทใหม่ๆ ตัวของโดซานเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยสำอางมากนัก ทั้งวันเขาจะทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับคอมพิวเตอร์และการพัฒนาโปรเจกต์ ทำให้เขาค่อนข้างที่จะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่ว่าจะผม หน้า หรือเสื้อผ้าก็ล้วนไม่ได้รับการเลือกสรร ทักษะการสื่อสารและการเข้าสังคมของโดซานก็เท่ากับ 0 แฟนสักคนในชีวิตก็ไม่เคยมี แต่เมื่อต้องมาทำให้นางเอกเชื่อว่าเขาคือ นัมโดซาน หนุ่มที่มีอนาคตไกลเขาจึงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ทั้งหมด
นอกจากนี้ นักแสดง คิมซอนโฮ ที่รับบทหัวหน้าทีม ฮันจีพยอง ก็ถูกพูดถึงอย่างล้นหลามไม่ต่างจากนัมจูฮยอกและแบซูจีเลย หลายคนต้องพ่ายให้กับความเป็นคนปากไปตรงกับใจ และรอยยิ้มละลายใจของเขา ซึ่งตัวละครนี้ทำให้กลายเป็นตัวละครที่คนดูให้ใจและเชียร์หนักมาก จนเกิดเป็นการแบ่งทีมเชียร์กันเลยทีเดียว
และที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะช่วงต้นเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้ยังได้นักแสดงเด็กระดับแถวหน้าของวงการ ไม่ว่าจะเป็น ฮอจองอึน รับบท ซอดัลมีในวัยเด็ก , นัมดารึม รับบท ฮันจีพยองในวัยเด็ก , อีเร รับบท ซออินแจ หรือ วอนอินแจ พี่สาวของดัลมีในวัยเด็ก รวมไปถึง คิมคังฮุน ที่ปรากฏตัวในภาพรับรางวัลบนหนังสือพิมพ์ รับบทเป็น นัมโดซาน ในวัยเด็กอีกด้วย
เหตุผลที่ 3 การผนึกกำลังระหว่าง ‘ผู้กำกับโอชุงฮวาน’ และ ‘นักเขียนบทพัคฮเยรยอน’
เป็นการผนึกกำลังอีกครั้งของ 2 คนนี้หลังจากที่ได้ฝากฝีไม้ลายมือไว้ได้อย่างสวยงามในเรื่อง While You Were Sleeping ที่แสดงนำโดยอีจงซอกและแบซูจี โดยทางผู้กำกับ โอชุงฮวาน เป็นเจ้าของผลงานซีรีส์ที่เคยสร้างเสียงฮือฮามาแล้วหลายเรื่องอย่าง Hotel del Luna , While You Were Sleeping และ Doctors ซึ่งเป็นซีรีส์ที่อยู่ในอันดับต้นๆในใจของหลายๆคนเลยก็ว่าได้ ส่วนนักเขียนบทก็คือ พัคฮเยรยอน นักเขียนผู้สร้างปรากฏการณ์ที่เคยสร้างผลงานอย่าง Dream High, I Can Hear Your Voice, Pinocchio และ While You Were Sleeping เอาไว้ แค่เห็นชื่อผลงานที่ผ่าน ๆ มาของทั้ง 2 คนก็สามารถวางใจได้ระดับนึงเลยล่ะค่ะ
เหตุผลที่ 4 สุดยอดงานภาพที่เนรมิตโดย STUDIO DRAGON
งานภาพเรื่องนี้จะให้อารมณ์เหมือนเรื่อง Search : WWW ที่โทนสีภาพจะออกแนวสดใส พาสเทล ดูแล้วมีแรงบัลดาลใจ เอื้ออำนวยต่อการคิดบวกและการฮีลพลังให้ลุกขึ้นมาฮึดสู้อีกครั้ง การใช้สีโทนภาพแบบนี้มันเข้ากับวลีที่ว่า “ทุกอย่างดูซอฟลงเมื่อเป็นสีพาสเทล” เพราะขนาดฉากเศร้าที่คนดูอย่างเราๆร้องไห้จนตาปูด ภาพยังสวย สียังน่ารักจนมันเข้าไปบรรเทาใจของเราให้ไม่ให้มันเจ็บมากจนเกินไป แถมองค์ประกอบภาพก็เรียกได้ว่าขนมาทุกทฤษฎี ไม่ว่าจะทฤษฎีเส้นคั่นที่มาทุกซีนยิ่งซีนที่นางเอกอยู่กับพี่สาวจะเห็นได้ชัดเจนมากกก เป็นการบอกกล่าวโดยอ้อมว่าทั้ง 2 คนอยู่คนละสังคมอย่างชัดเจน กฎสามส่วน การใช้กรอบภาพจากธรรมชาติ การใช้เส้นนำสายตา การจัดภาพตามแนวเส้นทะแยงมุม ก็มาทำเอาแคปภาพกันจนมือพังกันไปข้างค่ะ เพราะไม่ว่าจะแคปตอนไหน วินาทีไหน ก็ล้วนสวยเหมือนตั้งใจแคปมากๆ
เหตุผลที่ 5 เพลงประกอบที่เต็มไปด้วยศิลปินแนวหน้า
เพลงประกอบหลักที่ถูกปล่อยมาแล้วอย่างเพลง future ที่ร้องโดย Red Velvet คือเพราะมากกกก เสียงของสาวๆเข้ากับธีมของเรื่องได้เป็นอย่างดี เพลง Day & Night ของ Jung Seung Hwan ก็เพราะจับใจ แค่ได้ยินเสียงทำนองน้ำตาก็พร้อมที่จะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ แถม line up ศิลปินที่เปิดเผยมาคือปังมากกก ทั้ง คิมฟีล, 10cm, ซึงฮี จีโฮ บินนี่ Oh My Girl และ Davichi งานคุณภาพในทุกๆด้านขนาดนี้พลาดไม่ได้แล้วนะคะ!!!
อ่านมาจนครบทั้ง 5 เหตุผลแล้วขั้นต่อไปคือกดเปิด Netflix และดูทันทีเลยใช่ไหมล่ะคะ
ไม่ดูระวังคุยกับเพื่อนๆไม่รู้เรื่องเอาน้าา
#โชว์มีเดอะซีรีส์
ร่วมเดินทางตามความฝันที่จะประสบความสำเร็จของคนหนุ่มสาวไปพร้อมๆกัน ใน Start up ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 21.00 น. ตามเวลาเกาหลี ทางช่อง tvN และติดตามซับไทยถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Netflix
ถ้าหากใครอยากติดตามอัปเดตข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับวงการบันเทิงเกาหลีในแง่มุมต่าง ๆ อย่าลืมนึกถึง Korseries.com หรือถ้าหากใครที่ชื่นชอบการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจจากในซีรีส์เกาหลี สามารถติดตามได้ที่ เพจโชว์มีเดอะซีรีส์
บทความที่เกี่ยวข้อง
รีวิวซีรีส์ The Good Detective | สายสืบที่ดีควรทำอย่างไร หากคนร้ายที่พวกเขาจับกลายเป็น ‘แพะรับบาป’
รวมนิทาน+บทวิเคราะห์ ซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay ฉบับที่ 1 (EP.1-8)
รวมนิทาน + บทวิเคราะห์ ซีรีส์ It’s Okay To Not Be Okay ฉบับที่ 2 (EP.9-16)
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡